ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความวิกิฮาวเป็น "wiki" ซึ่งหมายความว่าบทความหลายๆ บทความของเรานั้นเป็นการร่วมมือกันเขียนของผู้เขียนหลายคน ในการเขียนบทความชิ้นนี้ นักเขียนที่อาสาสมัครมาได้ร่วมกันเขียนและปรับปรุงเนื้อหาของบทความอย่างต่อเนื่อง
บทความนี้ถูกเข้าชม 154,942 ครั้ง
บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการเดาแบบมีหลักการ ว่าใครเข้ามาส่อง Facebook คุณบ่อยที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ฟันธงไม่ได้ 100% ว่าเขาเข้ามาแอบดูโปรไฟล์คุณจริงๆ ถ้ามีเว็บหรือโปรแกรมไหนอ้างว่าทำได้ ขอให้รู้ไว้ว่ามั่วแน่นอน หรืออาจถึงขั้นหลอกลวง แถมด้วยอัลกอริธึมของ News Feed ทำให้เดี๋ยวนี้คนไม่ค่อยเข้าหน้าโปรไฟล์ของใครกันแล้ว
ขั้นตอน
เข้า Facebook. เข้าเว็บ https://www.facebook.com/ (ในคอม) หรือแตะไอคอนของแอพ Facebook (ในมือถือ) แล้วจะเห็น News Feed ถ้าล็อกอิน Facebook ไว้แล้ว- ถ้ายังไม่ได้ล็อกอิน Facebook ในคอม ให้พิมพ์อีเมลกับรหัสผ่านที่พ่วงไว้กับ Facebook ที่ด้านขวาบนของหน้า แล้วคลิก Log In
- ถ้าใช้มือถือ ให้ล็อกอิน Facebook โดยพิมพ์อีเมลกับรหัสผ่านตอนที่ถูกถาม แล้วแตะ Log In
คลิก tab ชื่อตัวเอง. ที่มุมขวาบนของหน้า Facebook เพื่อไปยังหน้าโปรไฟล์ Facebook ตัวเอง- ถ้าใช้มือถือ ให้แตะ ☰ มุมขวาล่างของหน้าจอ (iPhone) หรือมุมขวาบนของหน้าจอ (Android)
คลิก Friends. ทางด้านบนของหน้าโปรไฟล์ แล้วจะเห็นรายชื่อเพื่อนใน Facebook- ถ้าใช้มือถือ ให้แตะ Friends ในเมนู
ดูผลการค้นหาบนสุด. เพื่อน 10 - 20 คนแรกในรายชื่อนี่แหละ คือคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับคุณบ่อยที่สุด แปลว่าน่าจะเป็นกลุ่มที่เขามาส่องโปรไฟล์ของคุณบ่อยกว่าคนอื่นด้วย
พิจารณาจาก top friends. ใครที่มีเพื่อนหลักร้อย ก็น่าจะมีโอกาสเข้าหน้าโปรไฟล์คุณมากกว่าคนมีเพื่อนหลักพัน อย่างน้อยข้อนี้ก็ช่วยตีวงให้รายชื่อคนที่น่าจะเข้ามาส่องโปรไฟล์คุณแคบขึ้น- ยิ่งถ้ามีเพื่อนคนไหนที่ปกติคุณไม่ค่อยได้สมาคมด้วยโผล่มาใน top friends ยิ่งยืนยันว่าเขาเองนั่นแหละที่น่าจะแวะมาเยี่ยมหน้าโปรไฟล์ของคุณบ่อยๆ
สังเกตเพื่อนที่แนะนำ. ถ้า Facebook ชอบแนะนำเพื่อนคนไหนมาให้คุณแอดบ่อยๆ แสดงว่าเขาน่าจะเป็นเพื่อนกับคน (หรือหลายคน) ที่เข้ามาส่องโปรไฟล์คุณบ่อยๆโฆษณา
เปิด Facebook. เข้าเว็บ https://www.facebook.com/ (ในคอม) หรือแตะไอคอนของแอพ Facebook (ในมือถือ) แล้วจะเห็น News Feed ถ้าล็อกอิน Facebook ไว้แล้ว- ถ้ายังไม่ได้ล็อกอิน Facebook ในคอม ให้พิมพ์อีเมลกับรหัสผ่านที่พ่วงไว้กับ Facebook ที่ด้านขวาบนของหน้า แล้วคลิก Log In
- ถ้าใช้มือถือ ให้ล็อกอิน Facebook โดยพิมพ์อีเมลกับรหัสผ่านตอนถูกถาม แล้วแตะ Log In
เลือกช่องพิมพ์ status. คลิกหรือแตะช่องพิมพ์ทางด้านบนของหน้า News นี่คือช่องที่ปกติจะมีข้อความ "What's on your mind?" อยู่
พิมพ์สถานะกลางๆ. เช่น เล่นมุก เรื่องจริงน่ารู้ หรือพูดลอยๆ แต่อย่าโพสต์ชวนดราม่าในหมู่เพื่อน- อย่าไปแตะเรื่องที่มันละเอียดอ่อนหรือความเชื่อของใคร
- อย่าแท็กใครใน status เพราะเดี๋ยวจะทดสอบไม่ได้ผล
คลิก Post. มึมขวาล่างของหน้าต่าง status- ถ้าใช้มือถือ ให้แตะ Share มุมขวาบนแทน
รอดูว่ามีใครมาไลค์ status นั้นบ้าง. พอเวลาผ่านไปสักพัก (เช่น 8 ชั่วโมง) ให้กลับมาดู status ว่ามีใครไลค์บ้าง- สังเกตด้วยว่าใครมาทิ้งคอมเม้นท์ไว้ ถ้ามี
ทดสอบซ้ำแบบนี้หลายๆ รอบ. โดยตั้งอย่างน้อย 5 status ที่แตกต่างกันออกไป จะได้เอามาเปรียบเทียบกันดู
ดูว่าใครมาไลค์มันทุก status. ถ้าเพื่อนคนนี้ทั้งไลค์ทั้งคอมเม้นท์มันทุก status ของคุณใน Facebook เป็นไปได้มากว่าเขานี่แหละที่เข้ามาดูโปรไฟล์คุณบ่อยกว่าใครๆ ใน friends listโฆษณา
เคล็ดลับ
- การจับสังเกตว่าใครชอบเข้ามาส่อง Facebook คุณโดยอาศัย status กับ friends list ไม่ได้รับรองผลเสมอไป แต่อย่างน้อยก็พอเห็นภาพว่าใครที่เป็นขาประจำของ Facebook คุณ
ข้อมูลอ้างอิง
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.
