วิธีการ รักษาความสะอาดของบ่อน้ำ

บ่อน้ำในบ้านทำให้หลังบ้านหรือสวนในบ้านดูสวยงามขึ้น แต่การรักษาบ่อน้ำให้สะอาดอยู่เสมอก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ใช้วัตถุดิบธรรมชาติอย่างฟางข้าวบาร์เลย์ พืช และเครื่องกรองน้ำชีวภาพเพื่อให้บ่อน้ำสะอาดอยู่เสมอ นอกจากนี้เครื่องตกตะกอนด้วยแสงอัลตราไวโอเลต สารบำบัดน้ำเสีย และยิปซั่มก็ช่วยทำให้น้ำในบ่อใสสะอาดได้เช่นเดียวกัน สุดท้ายคือคุณต้องทำความสะอาดบ่อน้ำอย่างน้อยปีละครั้งโดยการเอาพืช น้ำ และปลาออกให้หมดก่อนแล้วค่อยเติมน้ำลงไปใหม่

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 4:

ดูแลรักษาบ่อน้ำขั้นพื้นฐาน

ดาวน์โหลดบทความ

1
ทำความสะอาดเครื่องกรองปั๊มน้ำเป็นประจำ.^{[1]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} เครื่องกรองส่วนใหญ่ต้องทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้ง โดยทั่วไปการทำความสะอาดเครื่องกรองก็คือแค่เอาเครื่องกรองออก ใช้สายยางฉีดทำความสะอาดเครื่องกรอง แล้วเปลี่ยนเครื่องกรองใหม่^{[2]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} แต่คุณก็ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตว่าคุณควรจะทำความสะอาดเครื่องกรองอย่างไรและบ่อยแค่ไหนด้วย
- ถ้าคุณสังเกตว่ามีน้ำรั่วออกมาจากปั๊มหรือมีเสียงเวลาที่น้ำพยายามไหลออกมา ก็อาจจะได้เวลาทำความสะอาดแล้ว^{[3]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถ้าเครื่องกรองของคุณมีมาตรวัด ให้ทำความสะอาดตอนที่แรงดันย้อนกลับไปที่ 2-3 กิโลกรัม
- ถ้าคุณไม่ทำความสะอาดเครื่องกรองเป็นประจำ เครื่องกรองจะมีประสิทธิภาพลดลงและทำให้บ่อน้ำสกปรก
2
ทำความสะอาดบ่อน้ำด้วยตัวเอง.^{[4]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} วิธีการกำจัดสาหร่ายจากบ่อน้ำที่ถูกที่สุดแต่ก็ใช้เวลามากที่สุดด้วยเช่นกันก็คือ การดูบ่อน้ำทุกวันหรือทุก 2-3 วันว่ามีสาหร่ายขึ้นไหม ถ้ามีให้เอาคราดหรือไม้ยาวๆ ดึงสาหร่ายออกมาจากบ่อน้ำโดยตรง ถ้าคุณใช้วิธีนี้ คุณจะต้องคอยดูบ่อน้ำเป็นประจำ
- จำกัดใบไม้และเศษขยะที่ลอยอยู่ในน้ำ คุณสามารถใช้พายกวาดฝ้าแบบที่เป็นตาข่ายด้ามยาวสำหรับทำความสะอาดบ่อน้ำโดยเฉพาะมากวาดใบไม้ กิ่งไม้ เมล็ดพืช และใบหญ้าที่ปลิวมาออกจากบ่อน้ำได้ พายกวาดฝ้ามีขายตามร้านขายอุปกรณ์ในบ้านทั่วไป
- ทำความสะอาดก้นบ่อ^{[5]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} คุณสามารถใช้เครื่องดูดตะกอนหรือเครื่องดูดฝุ่นในน้ำทำความสะอาดก้นบ่อได้ เครื่องดูดตะกอนเป็นอุปกรณ์ที่สามารถดูดใบไม้ สาหร่าย กากตะกอน และเศษขยะอื่นๆ ที่ไม่พึงประสงค์ออกจากก้นบ่อได้ อุปกรณ์เหล่านี้มีขายตามร้านขายอุปกรณ์ตกแต่งบ้านทั่วไป
3
ให้อาหารปลาอย่างถูกวิธี.^{[6]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} การให้อาหารปลาที่ถูกวิธีนั้นเริ่มตั้งแต่การเลือกอาหารปลาคุณภาพดีและให้ในปริมาณที่พอเหมาะ ถ้าคุณเลี้ยงปลาไว้ในบ่อด้วย ให้เลือกอาหารปลาคุณภาพดีที่ช่วยยับยั้งการเติบโตของสาหร่ายได้ เนื่องจากอาหารคุณภาพดีจะย่อยได้หมด ของเสียจากปลาจึงน้อยกว่า ดังนั้น หลังจากให้อาหารเสร็จแล้วประมาณ 20 นาทีให้คุณกลับไปเช็กอาหารที่ลอยอยู่บนผิวน้ำอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าปลากินอาหารที่คุณให้จนหมด
- ถ้าคุณเห็นเศษอาหารลอยอยู่ในน้ำ ก็แสดงว่าคุณให้อาหารมากเกินไปและควรค่อยๆ ลดปริมาณลงจนถึงจุดที่ไม่มีเศษอาหารลอยอยู่บนผิวน้ำเลยหลังจากให้อาหารเสร็จแล้ว เพราะเศษอาหารจะเน่าและทำให้สาหร่ายมีสารอาหารที่ทำให้มันเจริญเติบโตในบ่อน้ำได้
- ประเภทของอาหารปลาที่คุณเลือกซื้อจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ปลา แม้ว่าอาหารปลาที่ขายตามท้องตลาดทั่วไปจะใช้ได้กับปลาหลายสายพันธุ์ แต่ก็ให้ปรึกษาเจ้าของร้านขายอาหารสัตว์แถวบ้านหรือสัตวแพทย์หากคุณมีข้อสงสัยว่าอาหารชนิดไหนที่เหมาะกับปลาของคุณมากที่สุด
- ในช่วงฤดูหนาวให้ลดปริมาณอาหารปลาลง เพราะระบบเผาผลาญของปลาในช่วงฤดูนี้จะช้าลง ทำให้ปลาต้องการอาหารน้อยลงไปด้วย^{[7]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
โฆษณา

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 4:

ใช้สารอินทรีย์ช่วยรักษาความสะอาดของบ่อน้ำ

ดาวน์โหลดบทความ

1
ใช้เครื่องกรองน้ำชีวภาพ.^{[8]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} เครื่องกรองชีวภาพใช้แบคทีเรียในการกำจัดขยะอินทรีย์ที่อาจสะสมอยู่ในบ่อน้ำ คุณจะใช้เครื่องกรองที่อยู่ข้างในหรือข้างนอกก็ได้^{[9]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เครื่องกรองแบบที่อยู่ข้างในจะมีปั๊มติดกับน้ำพุที่ไหลมายังบ่อน้ำ เครื่องกรองแบบนี้ติดตั้งง่าย แต่ก็ทำความสะอาดยากเพราะคุณจะต้องถอดอุปกรณ์ที่อยู่ในบ่อน้ำออกมาทั้งหมด
- เครื่องกรองแบบที่อยู่ข้างนอกจะทำความสะอาดง่าย แต่หาขนาดและปั๊มที่พอเหมาะยากเพราะว่ามันออกแบบมาเพื่อใช้กับสระน้ำมากกว่า
- แม้ว่าแบคทีเรียเหล่านี้จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่มันก็ไม่ได้มีปริมาณมากพอที่จะกำจัดสารพิษทั้งหมดที่เกิดขึ้นในบ่อน้ำส่วนใหญ่ได้
- ซื้อเครื่องกรองที่สามารถกรองน้ำได้ในปริมาณมากกว่าความจุของบ่อน้ำ 2 เท่า เช่น ถ้าเครื่องกรองสามารถกรองน้ำได้ 3,000 ลิตร คุณก็ซื้อมาใช้ได้ถ้าน้ำในบ่อมีอยู่ประมาณ 1,500 ลิตรหรือน้อยกว่า แต่ถ้าคุณซื้อเครื่องกรองที่กรองน้ำได้ปริมาณเท่ากับน้ำในบ่อเป๊ะๆ มันจะรักษาความสะอาดของบ่อน้ำได้ไม่มากนัก
- เครื่องควรกรองน้ำทั้งหมดในบ่อได้ภายในเวลา 2 ชั่วโมง เช็กความเร็วของปั๊มและเปรียบเทียบกับความจุของบ่อน้ำเพื่อให้ได้ขนาดที่ถูกต้อง^{[10]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
2
ใส่ฟางข้าวบาร์เบย์ลงไปในบ่อน้ำ.^{[11]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} ขณะที่ฟางข้าวบาร์เลย์สลายตัว มันจะปล่อยสารเคมีที่ป้องกันไม่ให้สาหร่ายเจริบเติบโต ฟางข้าวบาร์เลย์ 1 ก้อนใช้กับน้ำ 4,000 ลิตร หมายความว่าถ้าบ่อน้ำของคุณมีน้ำ 400 ลิตร คุณก็ใช้ฟางแค่ 1 ใน 10 ส่วนเท่านั้น วิธีใส่ฟางลงไปในบ่อน้ำที่ดีที่สุดก็คือปั้นฟางเป็นก้อนขนาดเท่าลูกซอฟต์บอลใส่ไว้ในตาข่ายแล้วโยนลงไปในบ่อน้ำ
- หรือคุณจะใช้น้ำฟางข้าวบาร์เลย์ก็ได้ น้ำฟางข้าวบาร์เลย์ 1 ช้อนโต๊ะจะใช้ได้กับน้ำ 200 ลิตร ถ้าผ่านไป 1 สัปดาห์แล้วคุณยังไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง ให้ค่อยๆ ใส่เพิ่มลงไป
- ฟางข้าวบาร์เลย์มีขายตามศูนย์พันธุ์พืชทั่วไป
- ฟางข้าวบาร์เลย์ปลอดภัยกับบ่อน้ำที่มีปลา
3
ใส่พืชลงไปในบ่อน้ำ.^{[12]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} คุณสามารถใส่ได้ทั้งพืชลอยน้ำและพืชใต้น้ำ เพราะพืชทั้งสองชนิดช่วยป้องกันไม่ให้สาหร่ายเจริญเติบโตและช่วยรักษาความสะอาดของบ่อน้ำตามธรรมชาติ
- ใส่พืชลอยน้ำลงไป ดอกบัวช่วยลดปริมาณผิวน้ำสุทธิในบ่อที่สาหร่ายสามารถเจริญเติบโตได้ และดูดซึมสารอาหารที่สาหร่ายใช้ในการเจริญเติบโตด้วย
- พืชใต้น้ำอย่างสาหร่ายหางม้า สาหร่ายญี่ปุ่น และสาหร่ายหางกระรอกช่วยเพิ่มออกซิเจนในน้ำ ทำให้สาหร่ายไม่สามารถเจริญเติบโตได้ คุณสามารถวางไม้ใต้น้ำไว้ในน้ำได้โดยการผูกไว้กับก้อนหินหรือใส่ไว้ในกระถางแล้วเพิ่มน้ำหนักจนกว่ามันจะจม
โฆษณา

วิธีการ 3

วิธีการ 3 ของ 4:

รักษาความสะอาดของบ่อน้ำด้วยวิธีสังเคราะห์

ดาวน์โหลดบทความ

1
ใส่สารบำบัดน้ำเสียลงไป.^{[13]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}สารบำบัดน้ำเสียเป็นสูตรสารเคมีที่คิดค้นขึ้นเพื่อป้องกันหรือกำจัดสาหร่าย ส่วนมากจะปลอดภัยกับปลาและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น หอยทาก แต่เป็นอันตรายกับลูกอ๊อด วิธีใช้งานจะแตกต่างกันไปตามผลิตภัณฑ์ที่คุณเลือกใช้มาใส่ในบ่อน้ำ ปฏิบัติตามวิธีการใช้งานของผู้ผลิตทุกครั้งที่ใส่สารบำบัดน้ำเสียลงไปในบ่อน้ำ
- คุณจะต้องคอยเติมสารบำบัดน้ำเสียอยู่เรื่อยๆ ค่อยๆ เติมเท่าที่จำเป็นถ้าคุณเห็นว่ามีสาหร่ายขึ้นหรือน้ำเป็นสีเขียว
2
เติมแคลเซียมซัลเฟต. แคลเซียมซัลเฟตหรือที่เรียกกันว่ายิปซั่มมีประโยชน์ในการสลายตะกอนที่สะสมอยู่ก้นบ่อ โรยแคลเซียมซัลเฟตบนผิวน้ำให้ทั่วที่ความเข้มข้น 240 กิโลกรัมต่อน้ำ 1,200,000 ลิตร^{[14]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- แคลเซียมซัลเฟตมีขายตามศูนย์พันธุ์พืชทั่วไป
- แคลเซียมซัลเฟตไม่เป็นอันตรายต่อปลาหรือพืชในบ่อน้ำ
3
ติดตั้งอุปกรณ์ทำน้ำไหล. ถ้ามีน้ำไหลวนอยู่เรื่อยๆ บ่อน้ำก็จะไม่ค่อยมีสาหร่ายและสิ่งสกปรกเท่าไหร่นัก คุณอาจจะติดตั้งน้ำพุหรือน้ำตกลงไปในบ่อน้ำ ซึ่งไม่ว่าคุณจะเลือกอะไรก็แล้วแต่ อย่าลืมติดอุปกรณ์นั้นไว้ข้างบ่อน้ำเพื่อให้น้ำไหลย้อนกลับมาที่บ่อได้ด้วย คุณอาจจะติดตั้งน้ำพุไว้กลางบ่อน้ำก็ได้ถ้าความลึกของบ่อน้ำไม่เกินความสูงของน้ำพุ
- ถ้าคุณติดตั้งน้ำพุหรือน้ำตกที่เตี้ยกว่า 3 ฟุต ปั๊มก็ควรจะอยู่ข้างน้ำตกที่ระดับพื้นดิน แต่ถ้าน้ำตกสูงตั้งแต่ 5 ฟุตขึ้นไป เครื่องกรองควรจะอยู่หลังน้ำตกในระดับที่พอดีกับจุดที่สูงที่สุดของน้ำตก^{[15]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
4
ใช้เครื่องตกตะกอนด้วยแสงอัลตราไวโอเลต (ยูวี).^{[16]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} เครื่องตกตะกอนยูวีเป็นปั๊มพิเศษที่ดึงน้ำในบ่อเข้าไปในโพรงที่น้ำจะได้รับแสงอัลตราไวโอเลต ซึ่งแสงนี้จะทำลายสาหร่ายแขวนลอย (แต่ไม่ทำลายสาหร่ายสาย) ในน้ำและช่วยให้คุณกำจัดซากสาหร่ายได้อย่างง่ายดาย
- เครื่องตกตะกอนยูวีจะติดกับเครื่องกรองที่เป็นเครื่องกลหรือเครื่องกรองชีวภาพก็ได้
- แสงยูวีเป็นอันตรายต่อดวงตามนุษย์ เพราะฉะนั้นหลอดไฟจึงอยู่ข้างในกล่อง อย่าแกะหรือย้ายกล่องออกจากเครื่องตกตะกอนยูวี
- เครื่องตกตะกอนที่มีแสงยูวี 8-10 วัตต์ใช้กับน้ำ 4,000 ลิตร^{[17]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
โฆษณา

วิธีการ 4

วิธีการ 4 ของ 4:

ล้างบ่อน้ำเพื่อทำความสะอาดอย่างหมดจด

ดาวน์โหลดบทความ

1
ตัดสินใจว่าเมื่อไหร่ที่ต้องล้างบ่อแล้ว. ถ้ามีเศษใบไม้และกากตะกอนทับถมอยู่ที่ก้นบ่อเยอะจนไม่สามารถใช้เครื่องดูดตะกอนกำจัดออกได้ง่ายๆ ก็ถึงเวลาต้องล้างบ่อน้ำทั้งบ่อแล้ว^{[18]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}แต่ถ้าคุณสามารถกำจัดเศษขยะที่อยู่ก้นบ่อได้ง่ายๆ ก็ไม่จำเป็นต้องล้างทั้งบ่อ
- คุณควรล้างบ่อปลาและทำความสะอาดอย่างหมดจดอย่างน้อยปีละครั้ง ช่วงเวลาที่เหมาะจะล้างบ่อมากที่สุดคือช่วงหน้าหนาว (เพราะคุณจะได้กำจัดขยะที่สะสมในช่วงหน้าฝนออกไป)^{[19]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
2
ปั๊มน้ำออกจากบ่อ. คุณอาจจะซื้อหรือเช่าเครื่องปั๊มน้ำมาจากร้านขายอุปกรณ์ตกแต่งบ้านทั่วไป ดูให้ดีว่าสายยางของเครื่องปั๊มหรือที่จับยาวเป็นพิเศษเพื่อที่เครื่องปั๊มจะได้ลงไปถึงความลึกที่เหมาะสมของบ่อน้ำ และให้หันสายยางไปที่สวนหลังบ้านหรือสนามหญ้าเพื่อไม่ให้เสียน้ำไปเปล่าๆ
- นำน้ำบางส่วนจากในบ่อใส่ไว้ในถังใหญ่ๆ สระน้ำเป่าลม หรือภาชนะขนาดใหญ่อื่นๆ ถ้าคุณมีปลา น้ำนี้จะเป็นที่สำหรับนำปลามาพักไว้ก่อนขณะที่คุณกำลังถ่ายน้ำออกจากบ่อ^{[20]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
3
นำปลาออกมาจากบ่อ.^{[21]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} หลังจากที่คุณถ่ายน้ำออกเกือบหมดบ่อแล้ว ให้ย้ายปลาไปไว้ที่ภาชนะพัก ระดับน้ำควรสูงพอที่ปลายังว่ายไปมาได้ แต่ก็ต้องไม่สูงเกินจนคุณลงไปเดินไม่ได้ ระดับน้ำลึกครึ่งเมตรเป็นระดับที่เหมาะกับการนำปลามาพักไว้
- ใช้ตาข่ายตกปลานำปลาออกมา ช้อนปลาออกมาใส่ไว้ในภาชนะที่มีน้ำจากบ่อที่คุณใส่ไว้ก่อนหน้านี้
- คุณอาจจะวางตาข่ายหรือตะแกรงไว้เหนือภาชนะพักปลาเพื่อไม่ให้ปลากระโดดออกมา
4
เมื่อถ่ายน้ำในบ่อหมดแล้ว. พอน้ำออกหมดบ่อแล้ว ให้เริ่มเอาพืชน้ำออกมาจากบ่อ ถ้าพืชต้นไหนต้องการน้ำ ให้นำไปพักไว้ในถังพัก ช้อนและย้ายพืชที่ตายแล้วหรือเศษพืชออกมา
- ทำความสะอาดบ่อน้ำตอนที่ไม่มีน้ำเหลืออยู่ ใช้ปีนฉีดน้ำแรงดันทำความสะอาดสิ่งสกปรกตรงก้นบ่อและด้านข้างของบ่อ^{[22]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- อย่าใช้สารฟอกขาวหรือสารเคมีที่เป็นอันตรายทำความสะอาดบ่อน้ำ
5
เติมน้ำเข้าไปในบ่อ. เติมน้ำสะอาดเข้าไปในบ่อ ใส่สารลดคลอรีนลงไปในน้ำ^{[23]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} สารลดคลอรีนเป็นสารละลายที่คิดค้นขึ้นเพื่อกำจัดคลอรีนจากน้ำที่มากับสายยาง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะคลอรีนในน้ำจะทำให้ปลาตาย นำพืชและปลากลับมาไว้ในบ่อเหมือนเดิม
- สารลดคลอรีนมีขายตามร้านขายของสัตว์เลี้ยงทั่วไป ปริมาณที่ต้องใช้จะขึ้นอยู่กับขนาดของบ่อน้ำ ศึกษาวิธีการใช้งานที่ตัวผลิตภัณณ์สำหรับการใช้งานเฉพาะ
- เพื่อให้ปลาปรับตัวเข้ากับน้ำใหม่ได้ ให้ตักน้ำ 4 ลิตรออกจากถังพักและเติมน้ำใหม่จากบ่อลงไปแทน 4 ลิตรทุกๆ 5 นาที หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงให้นำปลากลับมาใส่ไว้ในบ่อเหมือนเดิม
โฆษณา