บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Andrew Carberry, MPH. แอนดรูว์ คาร์แบร์รี่ทำงานด้านการวางระบบสวนและการทำฟาร์มในโรงเรียนมาตั้งแต่ปี 2008 ตอนนี้เขาเป็นผู้ช่วยฝ่ายการวางโปรแกรมของ Winrock International ซึ่งเขาร่วมอยู่ในทีมวางระบบอาหารโดยยึดชุมชนเป็นหลัก
มีการอ้างอิง 10 ข้อที่อ้างอิงอยู่ในบทความ ซึ่งสามารถพบได้ทางด้านล่างของบทความ
บทความนี้ถูกเข้าชม 25,131 ครั้ง
ต้นว่านหางจระเข้เป็นต้นไม้ที่เหมาะจะปลูกทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง อีกทั้งยังเป็นต้นไม้ที่เหมาะจะปลูกติดบ้านไว้เพราะมีคุณสมบัติในการรักษา ว่านหางจระเข้เป็นพืชอวบน้ำ เพราะฉะนั้นการรดน้ำมากเกินไป รดน้ำน้อยเกินไป และปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมอื่นๆ จึงอาจส่งผลให้ต้นเฉาได้ รากเน่าเป็นหนึ่งในโรคที่พบได้บ่อยที่สุดในต้นว่านหางจระเข้ แต่ตัวมันเองก็ไหม้แดดได้เหมือนกัน ถ้าต้นว่านหางจระเข้ของคุณดูท่าจะไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ อย่าเพิ่งหมดหวังไป! คุณชุบชีวิตมันขึ้นมาใหม่ได้!
ขั้นตอน
- ย้ายต้นว่านหางจระเข้ไปไว้ในกระถางอื่น. หนึ่งในสาเหตุทั่วไปที่ทำให้ต้นว่านหางจระเข้ตายก็คือรากเน่า วิธีการดูว่าต้นว่านหางจระเข้กำลังจะตายเพราะรากเน่าหรือเปล่า คุณต้องเอาต้นออกมาจากกระถางก่อน[1]
- จับตรงฐานของต้นและก้นกระถางไว้ คว่ำกระถางโดยที่อีกมือนึงยังจับต้นว่านหางจระเข้ไว้อยู่ ใช้มือข้างที่เหลือตบตรงก้นกระถางหรือเคาะกับขอบโต๊ะ (หรือพื้นผิวอื่นๆ ที่แข็ง) [2]
- ถ้าเป็นต้นว่านหางจระเข้ต้นใหญ่ คุณอาจจะให้คนอื่นมาช่วยด้วย คนหนึ่งใช้สองมือจับฐานต้นไม้ไว้ อีกคนหนึ่งคว่ำกระถางลงแล้วเอามือตบก้นกระถาง[3] หรืออาจจะใช้วิธีพลิกกระถางกลับไปกลับมาจนกว่าต้นจะเริ่มหลุดออกจากกระถางก็ได้
- ถ้าใช้คนสองคนแล้วก็ยังเอาต้นออกจากกระถางไม่ได้ คุณก็อาจจะใช้พลั่วหรือมีดเซาะดินในกระถางแล้วพยายามเอาต้นออกจากกระถางอีกครั้ง หรือกระทุ้งดินออกจากกระถางทางรูระบายน้ำที่อยู่ตรงก้นกระถาง ถ้าทำแล้วต้นก็ยังไม่หลุดออกมา ก็อาจจะต้องทุบกระถางทิ้ง แต่ขอให้เป็นทางเลือกสุดท้าย[4]
- ขณะที่เอาต้นว่านหางจระเข้ออกจากกระถาง คุณต้องระวังอย่าให้ต้นเสียหาย คุณควรออกแรงที่ตัวกระถาง ไม่ใช่ตรงต้น พูดอีกอย่างคือให้จับต้นเอาไว้ แต่อย่าดึง การตบก้นกระถางจะทำให้รากยังยึดอยู่กับดิน แล้วแรงโน้มถ่วงก็จะเป็นตัวดันให้ต้นร่วงลงไปข้างล่างเอง
- ดูราก. พิจารณารากแล้วดูว่ายังเหลือรากที่ยังแข็งแรงอยู่อีกเท่าไหร่ รากที่ดูเปื่อยๆ เป็นลักษณะของรากเน่าและต้องกำจัดออกไป[5] ส่วนรากที่ไม่ดำและไม่เปื่อยคือรากที่ยังดีอยู่และเก็บไว้ได้
- ถ้าคุณเห็นว่ายังมีรากที่แข็งแรงอยู่เยอะ และมีแค่บางส่วนที่ตายหรือเปื่อย คุณก็น่าจะฟื้นต้นว่านหางจระเข้ได้ไม่ยาก แต่คุณต้องตัดรากส่วนที่ถูกทำลายทิ้งไป[6] โดยคุณอาจจะใช้มีดคมๆ ที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วตัดรากที่ตายแล้วออกไป[7] และต้องตัดออกให้หมด
- ถ้าคุณสังเกตว่ารากส่วนใหญ่ถูกทำลายไปหมดแล้ว คุณก็อาจจะต้องใช้ความพยายามมากกว่าเดิมสักหน่อย หรือต้นมันอาจจะเกินเยียวยาแล้วก็ได้ ถ้าเป็นกรณีนี้ คุณก็อาจจะฟื้นต้นได้ด้วยการตัดใบที่ใหญ่ที่สุดออก (ด้วยมีด) จนเหลือต้นแค่ครึ่งเดียว วิธีนี้ค่อนข้างเสี่ยง แต่ยิ่งต้นไม้มีใบน้อยเท่าไหร่ รากส่วนที่ไม่ได้ถูกทำลายก็จะยิ่งนำสารอาหารเข้าสู่ต้นโดยตรงได้ดีขึ้นเท่านั้น[8]
- เลือกกระถางที่ใหญ่กว่าระบบราก ⅓ เท่า. ดินส่วนเกินจะอุ้มน้ำและอาจทำให้รากเน่าได้ เพราะฉะนั้นกระถางที่เล็กหน่อยนั้นดีกว่ากระถางใหญ่แน่นอน[9]
- รากของต้นว่านหางจระเข้จะโตในแนวนอน ไม่ใช่แนวตั้ง[10] ต้นว่านหางจระเข้ค่อนข้างหนัก และน้ำหนักของต้นก็อาจจะทำให้กระถางแคบๆ คว่ำได้ เพราะฉะนั้นเลือกกระถางกว้างๆ แทนที่จะเป็นกระถางก้นลึกหรือกระถางแคบๆ[11]
- กระถางที่คุณเลือกควรจะมีรูระบายน้ำตรงก้นกระถางเยอะๆ เพื่อไม่ใส่น้ำส่วนเกินขังอยู่ในดิน[12]
- ถ้าคุณอยู่ในเขตภูมิอากาศที่ค่อนข้างแห้ง ให้ใช้กระถางพลาสติก แต่ถ้าเป็นเขตอากาศหนาวหรือชื้น ใช้กระถางดินเผาหรือดินเหนียวจะดีกว่า[13]
- ใช้ดินสำหรับต้นกระบองเพชรหรือพืชอวบน้ำ. ดินแบบนี้จะมีส่วนประกอบของทรายอยู่เยอะซึ่งช่วยให้ต้นไม้ระบายน้ำได้ดี คุณสามารถหาซื้อดินแบบนี้ได้ง่ายๆ ตามร้านขายต้นไม้แถวบ้าน[14]
- นอกจากนี้คุณยังสามารถผสมดินสำหรับปลูกว่านหางจระเข้เองได้ด้วยการผสมทราย กรวดหรือหินพัมมิซ และดินในอัตราส่วนที่เท่ากัน[15] แต่ต้องใช้ทรายหยาบ (เช่น ทรายสำหรับก่อสร้าง) แทนที่จะเป็นทรายเนื้อละเอียด เพราะทรายเนื้อละเอียดจะจับตัวเป็นก้อนและอุ้มน้ำมากกว่าจะระบายน้ำออกไปจากกระถาง[16]
- แม้ว่าคุณจะใช้ดินปลูกทั่วไปปลูกต้นว่างหางจระเข้ได้ แต่ต้นว่านหางจระเข้จะเติบโตได้ดีกว่าในดินผสม [17] เพราะดินปลูกทั่วไปมักจะกักเก็บความชื้นและอาจจะทำให้รากเน่าได้
- ย้ายต้นว่านหางจระเข้ไปปลูกในกระถางใหม่. เตรียมกระถางใหม่ด้วยการใส่ดินผสมลงไปแล้วเขย่าต้นว่านหางจระเข้เบาๆ เพื่อเอาดินที่ติดกระจุกอยู่ตรงรากออกไปสัก ⅓ ส่วน[18] นำต้นไม้ไปไว้ในกระถางที่เพิ่งเตรียมดินและเอาดินผสมกลบด้านบนเพิ่ม รากทั้งก้อนจะต้องกลบด้วยดินผสม แต่ก็อย่าให้ลำต้นอยู่ลึกลงไปในดินมากกว่าที่เคยอยู่ในกระถางเดิม[19]
- นอกจากนี้คุณก็อาจจะนำหินก้อนเล็กๆ หรือก้อนกรวดโรยบนดินชั้นบนด้วยเพื่อลดการระเหยของน้ำ[20]
- หลังจากย้ายกระถางแล้วอย่าเพิ่งรดน้ำ. ต้นว่านหางจระเข้ต้องใช้เวลาในการปรับตัวเข้ากับกระถางใหม่และซ่อมแซมรากที่เสียหาย 2-3 วัน[21]โฆษณา
- เช็กดิน. คุณสามารถบอกได้ว่าต้องรดน้ำต้นว่านหางจระเข้หรือยังด้วยการเอานิ้วชี้จิ้มลงไปในดินลึกประมาณ 2-3 นิ้ว ถ้าดินแห้ง ก็แสดงว่าต้องรดน้ำต้นไม้แล้ว ต้นว่านหางจระเข้เป็นพืชอวบน้ำและไม่ต้องรดน้ำบ่อยนัก เพราะถ้ารดมากเกินไปมันจะตาย![22]
- ปรับปริมาณน้ำที่รดตามฤดูกาล. ต้นว่านหางจระเข้ต้องการน้ำมากในเดือนที่อากาศร้อน และต้องการน้ำน้อยในเดือนที่อากาศเย็น เพราะฉะนั้นช่วงหน้าหนาวให้รดน้ำน้อยหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าต้นตั้งอยู่ตรงที่อากาศเย็นอยู่แล้ว[25]
- ดูใบ. เนื่องจากเป็นพืชอวบน้ำ ต้นว่านหางจระเข้จะกักเก็บน้ำไว้ในใบ ถ้าคุณสังเกตว่าใบไม้เริ่มเหี่ยวหรือเกือบจะโปร่งใส ก็แสดงว่าต้องรดน้ำแล้ว[26]
- แต่ลักษณะที่ว่ามานี้ก็เป็นสัญญาณของรากเน่าที่เกิดจากการรดน้ำมากเกินไปได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นถามตัวเองว่ารดน้ำครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ถ้าเพิ่งจะรดไป คุณก็ควรย้ายต้นออกจากกระถางแล้วเช็กดูว่ารากเน่าหรือเปล่า[27]
- รดน้ำจนกว่าดินจะชุ่มชื้น. น้ำไม่ควรจะขังอยู่บนผิวดิน เพราะฉะนั้นให้รดน้ำอย่างเบามือ แล้วคอยดูทุกสัปดาห์หรือทุกสองสัปดาห์ด้วยการเช็กดินว่าต้องรดน้ำแล้วหรือยังโฆษณา
- เช็กใบ. ถ้าใบต้นว่านหางจระเข้กลายเป็นสีน้ำตาลหรือสีแดงก็แสดงว่าต้นอาจจะไหม้แดด[28]
- รดน้ำต้นไม้. เช็กดินและดูว่าต้องรดน้ำต้นไม้หรือยัง ถ้าต้นได้รับแสงแดดมากเกินไป ดินก็น่าจะแห้งเพราะน้ำจะระเหยเร็วขึ้น[31]
- ตัดใบที่ตายแล้วออก. ใช้มีดคมๆ ที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วตัดใบตรงโคนต้น ใบที่ตายแล้วจะแย่งสารอาหารไปจากส่วนอื่นๆ ของต้น เพราะฉะนั้นอย่าลืมตัดออกเพื่อไม่ให้ส่วนที่เหลืออ่อนแอ[32]โฆษณา
เคล็ดลับ
- เวลาที่จะใช้น้ำว่านหางจระเข้ แทนที่จะเล็มใบออก ให้ใช้มีดคมๆ ตัดใบจากโคนต้นตรงที่ใบติดอยู่กับดิน เพราะพืชจะซ่อมแซมตัวเองได้ดีกว่าเวลาที่เราตัดฉับไปทั้งใบเลย[33]
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.ourhouseplants.com/plants/aloe# rootrot
- ↑ http://www.dummies.com/how-to/content/steps-for-foolproof-repotting.html
- ↑ http://www.dummies.com/how-to/content/steps-for-foolproof-repotting.html
- ↑ http://www.dummies.com/how-to/content/steps-for-foolproof-repotting.html
- ↑ http://www.ourhouseplants.com/plants/aloe# rootrot
- ↑ http://www.ourhouseplants.com/plants/aloe#rootrot
- ↑ http://www.dummies.com/how-to/content/steps-for-foolproof-repotting.html
- ↑ http://www.ourhouseplants.com/plants/aloe#rootrot
- ↑ http://www.aloeplant.info/aloe-root-care/
- ↑ http://www.aloeplant.info/aloe-root-care/
- ↑ http://www.ourhouseplants.com/plants/aloe
- ↑ http://www.aloeplant.info/pots-for-aloe-vera/
- ↑ http://www.aloeplant.info/pots-for-aloe-vera/
- ↑ http://faq.gardenweb.com/discussions/2765911/how-do-i-care-for-my-aloe-vera-plant
- ↑ http://faq.gardenweb.com/discussions/2765911/how-do-i-care-for-my-aloe-vera-plant
- ↑ http://www.aloeplant.info/aloe-root-care/
- ↑ http://faq.gardenweb.com/discussions/2765911/how-do-i-care-for-my-aloe-vera-plant
- ↑ http://www.dummies.com/how-to/content/steps-for-foolproof-repotting.html
- ↑ http://faq.gardenweb.com/discussions/2765911/how-do-i-care-for-my-aloe-vera-plant
- ↑ http://faq.gardenweb.com/discussions/2765911/how-do-i-care-for-my-aloe-vera-plant
- ↑ http://faq.gardenweb.com/discussions/2765911/how-do-i-care-for-my-aloe-vera-plant
- ↑ http://livewellnetwork.com/Deals/episodes/Tips-For-Growing-Aloe-Vera-Plants-and-DIY-Aloe-Treatments/9042029
- ↑ http://livewellnetwork.com/Deals/episodes/Tips-For-Growing-Aloe-Vera-Plants-and-DIY-Aloe-Treatments/9042029
- ↑ http://livewellnetwork.com/Deals/episodes/Tips-For-Growing-Aloe-Vera-Plants-and-DIY-Aloe-Treatments/9042029
- ↑ http://www.ourhouseplants.com/plants/aloe
- ↑ http://www.ourhouseplants.com/plants/aloe
- ↑ http://www.ourhouseplants.com/plants/aloe
- ↑ http://www.aloeplant.info/aloe-vera-and-sun/
- ↑ http://www.aloeplant.info/aloe-vera-and-sun/
- ↑ http://www.aloeplant.info/aloe-vera-and-sun/
- ↑ http://www.aloeplant.info/aloe-vera-and-sun/
- ↑ http://www.aloeplant.info/trim-an-aloe-plant/
- ↑ http://livewellnetwork.com/Deals/episodes/Tips-For-Growing-Aloe-Vera-Plants-and-DIY-Aloe-Treatments/9042029
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.