วิธีการ ทำให้ผู้ชายแต่งงานกับคุณ

เมื่ออยู่ในห้วงรัก ก็เป็นธรรมดาที่คุณอยากจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับคนๆ นั้น แต่ความรู้สึกรอคอยว่าเมื่อไหร่ผู้ชายที่คุณรักจะมาขอสักทีก็อาจสร้างความรู้สึกกระวนกระวายได้ไม่น้อย ถ้าคุณอยากแต่งงาน ให้พยายามสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแรงและแน่นแฟ้นที่จะคงอยู่ชั่วชีวิต นอกจากนี้ก็พยายามเป็นตัวของตัวเองในแบบที่ดีที่สุด เพราะสิ่งนี้จะทำให้ทั้งคุณและคนรักมีความสุขยิ่งขึ้น และสุดท้ายถ้าต้องทำจริงๆ ลองบอกใบ้เขาสักนิดเพื่อให้เขารู้ว่า คุณกำลังคิดเรื่องแต่งงานอยู่นะ

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 3:

สร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแรง

ดาวน์โหลดบทความ

1
วางแผนแต่งงานกับคนที่มีค่านิยมส่วนตัวสอดคล้องกับคุณ. ค่านิยมคือสิ่งต่างๆ อย่างมุมมองที่มีต่อครอบครัว เงิน ความศรัทธา และการปฏิบัติต่อผู้อื่น ถ้าคุณมีความเห็นตรงกันในเรื่องเหล่านี้ ในระหว่างที่สร้างชีวิตคู่ร่วมกันคุณจะเข้าใจกันและกันได้ง่ายขึ้น^{[1]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- บางครั้งชีวิตคู่ก็ดำเนินไปได้แม้ว่าคุณจะมีค่านิยมที่ตรงกันข้าม เพียงแต่ว่ามันจะต้องอาศัยการประนีประนอมและความร่วมมือเป็นอย่างมาก และปัญหาเหล่านี้ก็อาจจะกลายเป็นปมความขัดแย้งในภายหลัง
- เช่น ถ้าคุณเชื่อว่าคุณควรปลูกฝังหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาให้ลูก แต่แฟนเกลียดการนับถือศาสนาตามพ่อแม่ วันนึงถ้าคุณมีลูกด้วยกันคุณก็อาจจะต้องทะเลาะกันเรื่องนี้
- พูดถึงอนาคตที่มีเขาอยู่ด้วยเสมอ
2
ค่อยๆ ใช้เวลาศึกษามุมมองของเขาที่มีต่อการแต่งงาน. การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ และแค่เพราะว่าคุณตื่นเต้นเรื่องการแต่งงานก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ชายเขาจะรู้สึกเหมือนคุณ ระหว่างที่คุณศึกษาดูใจกันและกัน ให้ถามคำถามที่สะท้อนว่า โดยทั่วไปเขามีมุมมองต่อการแต่งงานอย่างไร ถ้าเขายังไม่พร้อมที่จะแต่งงาน คุณก็อาจจะไม่สามารถทำอะไรเพื่อเปลี่ยนใจเขาได้^{[2]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เช่น ถ้าเขาเปิดใจพูดเรื่องความสัมพันธ์ในอดีต ให้สังเกตสัญญาณของเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาของเขาว่า มีอะไรที่ทำให้เขากลัวการผูกมัดหรือเปล่า ถ้าเขาเคยเจ็บปวดมาก่อน เขาก็อาจจะต้องการเวลามากกว่านี้เพื่อให้เขากล้าเปิดใจมากพอที่จะคิดเรื่องแต่งงาน
- นอกจากนี้เขาก็อาจจะพูดประมาณว่า "การแต่งงานก็แค่กระดาษใบเดียว" ซึ่งก็อาจจะเป็นบ่งบอกว่าเขาไม่ได้คิดจะแต่งงาน
- คุณต้องค่อยๆ ใช้เวลาสร้างรากฐานความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับผู้ชายคนนี้ก่อน
3
ซื่อสัตย์ต่อกันและกัน. ถ้าคุณอยากให้เขาแต่งงานกับคุณ เขาต้องเชื่อใจคุณได้อย่างหมดหัวใจ และสุดท้ายแล้วถ้าเขาเป็นผู้ชายที่คุณควรจะแต่งงานด้วยจริงๆ คุณก็ควรจะรู้สึกว่าตัวเองสามารถเชื่อใจเขาได้เช่นกัน ความไว้เนื้อเชื่อใจในลักษณะนี้อาศัยการเปิดใจและการซื่อสัตย์ต่อกันและกัน อย่าโกหกเขา และอย่าทนกับความไม่ซื่อสัตย์ของเขาด้วยเช่นกัน^{[3]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- การสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาและสม่ำเสมอเป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่า คุณจริงจังกับเขา
เคล็ดลับ: ถ้าสัญชาตญาณบอกว่าคุณจำเป็นต้องปิดบังบางอย่าง เช่น ไปกินข้าวกลางวันกับเพื่อน ให้คิดดูว่าทำไมคุณถึงรู้สึกแบบนั้น ถ้าเขามีเหตุผลคัดค้านที่ฟังขึ้น เช่น เพื่อนมีใจให้คุณ คุณก็อาจจะไม่ไปกินข้าวกลางวันกับเพื่อนคนนั้น แต่ถ้าเขาเป็นคนไม่มีเหตุผลหรือชอบควบคุม หรือคุณรู้สึกว่าเขาพยายามแยกคุณออกจากเพื่อนๆ นั่นก็อาจเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงพฤติกรรมชอบทำร้าย
4
รับผิดชอบว่าตัวเองมีส่วนผิดเมื่อทะเลาะกัน. เมื่อถึงจุดหนึ่งความขัดแย้งย่อมเกิดขึ้นในความสัมพันธ์อย่างแน่นอน ถ้าสถานการณ์เริ่มจะเอาไม่อยู่และเกิดการทะเลาะเบาะแว้งตามมา ให้ขอโทษกับสิ่งที่คุณทำหรือคำพูด วิธีนี้จะทำให้เขาเห็นว่า คุณสองคนสามารถร่วมมือกันเอาชนะทุกสิ่งได้ด้วยวุฒิภาวะ ซึ่งอาจช่วยคลายความกลัวที่เขามีต่อการแต่งงานได้^{[4]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ระหว่างที่ทะเลาะกันพยายามแสดงความรู้สึกโดยไม่ต้องเรียกเขาด้วยคำหยาบคายหรือโมโหใส่เขา และขอให้เขาปฏิบัติกับคุณในแบบเดียวกัน
- อย่าให้ใครมาบังคับให้คุณต้องเป็นฝ่ายผิดคนเดียวเวลาทะเลาะกัน เพราะแทบในทุกกรณีต่างฝ่ายต่างก็มีส่วนผิดด้วยกันทั้งนั้น
5
กล่าวชมและสร้างความมั่นใจให้เขา. ถ้าคุณอยากให้แฟนหนุ่มของคุณรู้สึกว่า เขาสามารถใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับคุณได้อย่างมีความสุข ให้คว้าทุกโอกาสที่จะทำให้เขาใจฟู บอกเขาบ่อยๆ ว่าคุณรักเขาและเขามีความหมายกับคุณแค่ไหน กล่าวชมคุณสมบัติและสิ่งที่คุณชอบมากที่สุดในตัวเขาแบบเจาะจง^{[5]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เช่น คุณอาจจะพูดประมาณว่า "คุณเป็นคนขยันมาก ฉันชื่นชมคุณจริงๆ" หรือ "ฉันชอบรอยยิ้มของคุณจัง!"
- ถ้าเขากังวลเรื่องการสัมภาษณ์งาน คุณก็อาจจะพูดว่า "คุณเก่งจะตาย แล้วคุณก็เหมาะกับตำแหน่งนี้มากๆ ถ้าเขาไม่เลือกคุณ เขาก็ไม่สมควรได้คุณไปหรอก!"
6
ให้กำลังใจเมื่อเขาเผชิญกับความยากลำบาก. ในชีวิตแต่งงานที่แน่นแฟ้นและแข็งแรงนั้น คุณจะต้องให้กำลังใจกันและกัน ช่วยกันแก้ปัญหา และทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นเมื่อเผชิญกับความยากลำบาก การทำให้เขารู้ว่าเขาสามารถพึ่งคุณได้อาจทำให้เขาอยากใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกับคุณมากขึ้น^{[6]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เช่น ถ้าเขาเศร้าเพราะคนในครอบครัวจากไป คุณก็อาจจะแค่นั่งเงียบๆ เป็นเพื่อนเขาและกุมมือเขาไว้ อย่ากดดันให้เขาพูด ถ้าเขาอยากพูดเขาจะพูดเอง
- ถ้าเขาเครียดเรื่องงาน คุณอาจจะเตรียมอาหารอร่อยๆ ไว้ให้เขา หรือพาเขาออกไปกินมื้อค่ำข้างนอกเพื่อให้เขาได้ผ่อนคลาย
7
สังเกตสัญญาณเตือนในความสัมพันธ์. บางครั้งเมื่อคุณตกอยู่ในห้วงรัก มันก็ยากที่คุณจะดึงตัวเองและรับรู้ถึงสัญญาณเตือนแรกเริ่ม เช่น ถ้าเขากระชากตัวคุณ ผลักคุณ หรือตะคอกใส่คุณเวลาทะเลาะกัน พฤติกรรมในลักษณะนี้ก็มักจะยิ่งหนักข้อขึ้นในอนาคต^{[7]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- สัญญาณเตือนอื่นๆ ก็อาจจะเป็นการที่เขาพยายามกีดกันคุณจากครอบครัวและเพื่อนๆ ดูถูกคุณหรือทำให้คุณรู้สึกแย่กับตัวเอง โทษสิ่งที่เขาทำว่าเป็นเพราะคุณ หรือยืนกรานว่าเขาจะเป็นคนดูแลเรื่องเงินของคุณทั้งสองคนเอง
เคล็ดลับ: ถ้าคุณคิดว่าตัวเองอยู่ในความสัมพันธ์ที่มีการทำร้าย ให้ขอความช่วยเหลือจากครอบครัว เพื่อนๆ หรือกลุ่มช่วยเหลือที่สามารถนำตัวคุณออกมาได้อย่างปลอดภัย
โฆษณา

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 3:

รักตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ

1
ไล่ตามความสนใจของตัวเองและสนับสนุนให้เขาทำแบบนั้นด้วย. ในความสัมพันธ์ที่แข็งแรง คุณสองคนก็ควรทำงานอดิเรกและมีเพื่อนของตัวเองเหมือนเดิม เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้คุณรู้สึกเติมเต็มและมั่นใจในตัวเองเท่านั้น แต่มันจะทำให้ความสัมพันธ์ของคุณแนบแน่นขึ้นด้วย การแยกกันบ้างจะทำให้คุณได้คิดถึงกัน และพอคุณมาเจอกันคุณก็จะมีเรื่องคุยกันเยอะเลย!^{[8]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เช่น คุณอาจจะออกไปขี่จักรยานกับเพื่อนสนิทระหว่างที่เขาดูการแข่งขันฟุตบอลกับเพื่อนๆ
- แน่นอนว่าถ้าคุณสนใจสิ่งเดียวกัน คุณก็สามารถทำกิจกรรมนั้นร่วมกันได้! เพียงแต่ว่าอย่ากลัวที่จะทำอะไรแยกกันบ้าง
2
หาเวลาดูแลตัวเอง. เมื่อมีโอกาส จงให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง คุณจะรู้สึกมีความสุขและผ่อนคลายมากขึ้น แถมแฟนหนุ่มของคุณก็คงจะชอบที่คุณสามารถดูแลความเป็นอยู่ที่ดีของตัวเองได้ และสิ่งนี้ก็อาจจะทำให้เขาอยากมาสู่ขอคุณมากขึ้น แต่ถึงเขาจะไม่ขอ คุณก็ยังได้ประโยชน์จากการดูแลตัวเองอยู่ดีนั่นแหละ!^{[9]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- การดูแลตัวเองอาจจะเป็นการดูแลทางกาย เช่น แช่ตัวในอ่างอาบน้ำฟองเยอะๆ เพื่อผ่อนคลายระหว่างหมักผมไปด้วย แต่มันก็อาจจะรวมถึงการทำให้ตัวเองรู้สึกดีทั้งทางด้านจิตใจ จิตวิญญาญ หรืออารมณ์ด้วย เช่น การเล่นโยคะหรือฝึกสมาธิ ออกไปเดินเล่นเงียบๆ สักพัก หรือเขียนบันทึก
3
พูดคำยืนยันเชิงบวกเมื่อความมั่นใจถดถอย. แทบทุกคนย่อมมีช่วงเวลาที่สงสัยในตัวเอง ถ้าคุณเริ่มรู้สึกว่าตัวเองดีไม่พอ ให้เขียนรายการคุณสมบัติที่ดีที่สุดของคุณ จากนั้นก็มองเข้าไปในกระจกและพูดสิ่งนั้นกับตัวเองดังๆ^{[10]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เช่น คุณอาจจะพูดว่า "ฉันเป็นเพื่อนที่ดีมากเลยนะ และฉันก็พยายามที่ทำให้คนอื่นรู้สึกดีกับตัวเองด้วย ฉันสมควรได้รับความรัก"
- ถ้าคุณไม่มั่นใจในตัวเองเพราะว่าแฟนยังไม่มาขอสักที คุณก็อาจจะเตือนตัวเองถึงสิ่งดีๆ ที่เขาทำให้คุณ เช่น คุณอาจจะพูดว่า "เจมส์ขับรถสองชั่วโมงมาหาฉันในวันที่ฉันสอบตกวิชาเศรษฐศาสตร์ ฉันรู้ว่าเขารักฉัน แม้ว่าเราจะยังไม่ได้หมั้นกันก็เถอะ"
4
พยายามพึ่งพาตัวเองด้านการเงินให้ได้. การที่คุณสามารถแบ่งเบาภาระในครอบครัวและตัดสินใจเรื่องเงินด้วยตัวเองได้จะทำให้คุณมั่นใจในตัวเองเต็มร้อย หาอาชีพที่เหมาะกับบุคลิกภาพ พรสวรรค์ และความสนใจของคุณ เมื่อคุณอยู่ที่ทำงาน ให้ตั้งใจทำงานและเคารพผู้ที่อาวุโสกว่า ซึ่งอาจจะช่วยให้คุณก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป^{[11]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ในบางครั้งความกังวลเกี่ยวกับเรื่องเงินก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขายังไม่มาขอแต่งงานสักที เพราะฉะนั้นการที่คุณมีความมั่นคงทางการเงินก็อาจจะช่วยให้เขาคลายความเครียดลงได้บ้าง
5
ออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและลดความเครียด. การออกกำลังกายวันละ 20-30 นาทีเป็นหนึ่งในวิธีคลายเครียดที่ดีที่สุด ลองออกไปวิ่งช่วงเย็นเพื่อให้ได้ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอบ้าง นอกจากนี้คุณก็อาจจะไปเรียนโยคะ เล่นกีฬา เช่น ว่ายน้ำหรือซอฟต์บอล ออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้อ หรือออกกำลังกายตามคลิปวิดีโอในห้องนั่งเล่นก็ได้^{[12]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- นอกจากประโยชน์ในเรื่องของการบรรเทาความเครียดแล้ว การออกกำลังกายยังช่วยให้ร่างกายกระฉับกระเฉงและแข็งแรงด้วย ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความภาคภูมิใจในตัวเอง
- การเป็นคนที่ดูดีและรู้สึกดีจะทำให้แฟนหนุ่มรู้สึกว่าคุณมีเสน่ห์มากขึ้น และอาจทำให้เขาอยากขอคุณแต่งงานก็ได้นะ
เคล็ดลับ:ลองออกกำลังกายด้วยเพื่อสร้างช่วงเวลาผูกพันที่ดี!
โฆษณา

วิธีการ 3

วิธีการ 3 ของ 3:

บอกให้เขารู้ว่าคุณอยากแต่งงาน

ดาวน์โหลดบทความ

1
พูดคุยเรื่องอนาคตด้วยกัน. ถ้าคุณอยากประเมินว่าเขาสนใจเรื่องการแต่งงานมากแค่ไหน ลองเกริ่นเรื่องแผนในอนาคตของคุณให้เขาฟัง เช่น คุณอาจจะบอกว่าคุณอยากอยู่ที่ไหน คุณอยากมีลูกหรือเปล่า หรือว่าท้ายที่สุดแล้วคุณอยากทำอาชีพแบบไหน พูดถึงเขาในแผนการของคุณไปเรื่อยเปื่อย แล้วสังเกตปฏิกิริยาของเขา
- เช่น คุณอาจจะพูดประมาณว่า "ฉันอยากให้วันนึงเราได้ไปเที่ยวยุโรปด้วยกันจัง" การพูดแบบนี้จะทำให้เขารู้ว่า ในความฝันของคุณมีเขาอยู่ด้วย
- ถ้าเขาพูดประมาณว่า "ดีเลย!" แสดงว่าเขาเองก็อาจจะคิดถึงอนาคตที่มีคุณอยู่ด้วยเช่นกัน แต่ถ้าคำตอบของเขาไม่ได้ผูกมัด เช่น "อืม ก็อาจจะได้มั้ง" ก็แสดงว่าเขาอาจจะไม่ได้จริงจังมากเท่ากับคุณ
2
ใช้เวลาร่วมกับคู่แต่งงานที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข. การได้เห็นคนที่มีความสุขกับความสัมพันธ์ที่ผูกมัดอาจทำให้เขาคิดเรื่องขอคุณแต่งงานขึ้นมาบ้างก็ได้ ถ้าคุณคนใดคนหนึ่งมีเพื่อนที่เป็นตัวอย่างที่ดีของชีวิตคู่ที่แข็งแรงและแน่นแฟ้น พยายามนัดทำกิจกรรมร่วมกับพวกเขาเมื่อมีโอกาส^{[13]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เช่น คุณอาจจะทำอาหารกินกันกลางแจ้ง วางแผนไปเดตเป็นคู่ที่โรงหนังหรือร้านอาหาร หรืออาจจะไปเที่ยวด้วยกันเลยก็ได้
- การไปงานแต่งงานด้วยกันก็เป็นอีกวิธีที่จะทำให้เขาคิดเรื่องแต่งงาน^{[14]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
3
ชี้แหวนหมั้นที่คุณอยากได้เพื่อบอกใบ้ให้ชัดเจน. ถ้าคุณอยากให้เขารู้มากๆ ว่าคุณอยากหมั้นเร็วๆ นี้ หยิบนิตยสารหรือแคตาล็อกที่มีแหวนหมั้น เวลาที่อยู่กับเขาก็เอามาเปิดดูเล่นๆ และชี้ให้เขาดู 2-3 วงที่คุณชอบจริงๆ^{[15]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- วิธีนี้นอกจากจะทำให้เขารู้ว่าคุณกำลังคิดเรื่องการแต่งงานแล้ว ยังช่วยให้เขารู้ด้วยว่ารสนิยมของคุณเป็นแบบไหน เช่น เขาอาจจะจินตนาการถึงแหวนแบบคลาสสิกที่มีเพชรวงใหญ่ แต่คุณอาจจะชอบอัญมณีที่ไม่ค่อยมีคนใส่หรือรูปแบบแปลกใหม่มากกว่าก็ได้
- พยายามอย่าให้เขาดูแหวนที่เกินงบของเขาไปมาก ถ้าเขาคิดว่ารสนิยมของคุณราคาสูงกว่าที่เขาจะซื้อได้ เขาก็อาจจะลังเลว่าไม่ต้องซื้อเลยแล้วกัน
- ถ้าคุณไม่อยากได้แหวนเลย คุณก็บอกเขาได้แทนที่จะให้เขาดูแหวน วิธีนี้ก็ทำให้เขารู้ได้เหมือนกันว่า คุณกำลังคิดเรื่องแต่งงาน
เคล็ดลับ: คุณสามารถคุยกับแฟนเรื่องแหวนหมั้นได้ แต่อย่าเพิ่งพูดเรื่องแต่งงานน้ำไหลไฟดับทั้งที่เขายังไม่ได้ขอ ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะรู้สึกอึดอัดและกดดันได้
4
เป็นฝ่ายขอเขาแต่งงานถ้าคุณคิดว่าเขาพร้อมแต่ยังไม่ยอมมาขอสักที. อย่ากลัวที่จะเป็นฝ่ายคุมเกม! ถ้าคุณอยากหมั้นใจจะขาดแต่แฟนไม่ยอมขอแต่งงานสักที ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นฝ่ายขอเขาแต่งงานไม่ได้สักหน่อย คุณจะคุกเข่าลงข้างนึงหรือให้แหวนก็แล้วแต่ แต่ทำให้เขารู้ชัดเจนว่าคุณกำลังขอเขาแต่งงาน^{[16]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- พยายามคิดหาวิธีที่จะทำให้การขอแต่งงานพิเศษและมีความหมายกับคุณสองคน เช่น พาเขาไปที่ที่คุณเดตกันครั้งแรกหรือจุดที่มีวิวสุดแสนโรแมนติก เมื่อคุณอยู่ที่นั่นแล้ว ก็บอกกับเขาว่าเขามีความหมายกับคุณแค่ไหน จากนั้นก็ถามว่าเขาอยากเป็นของคุณตลอดไปไหม!
โฆษณา