บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา
ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้
บทความนี้ถูกเข้าชม 26,997 ครั้ง
ดอกไม้สดสามารถเก็บไว้ได้นานหลายปีโดยยังคงสีสันเอาไว้ได้ก็ด้วยการอัดแห้ง ซึ่งจะทับดอกไม้ให้แบนในระหว่างที่มันแห้ง ดอกไม้อัดแห้งนั้นถูกนำมาใช้ตกแต่งการ์ดและสิ่งของอื่นๆหรือจะนำมาประดับใส่กรอบตั้งแต่นานมาแล้ว ด้านล่างนี้คือบางวิธีที่คุณสามารถนำมาใช้ทำดอกไม้อัดแห้งได้(จะนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับชนิดของดอกไม้)
ขั้นตอน
- เลือกดอกไม้ที่จะนำมาอัดแห้ง.เด็ดดอกไม้จากในสวนที่บ้านหรือขออนุญาตเด็ดจากสวนคนอื่น หรือคุณอาจเก็บรวบรวมดอกไม้ป่าตามทุ่งหญ้าก็ได้ คุณยังสามารถซื้อดอกไม้จากร้านจัดแต่งดอกไม้ถ้าต้องการดอกไม้ที่หาไม่ได้ในถิ่นที่อาศัยอยู่
- เลือกดอกไม้ชนิดที่ยังเป็นดอกตูมหรือทันทีที่มันเริ่มบาน ช่วงนี้จะเป็นตอนที่มันมีสีสวยเข้มที่สุด เลือกดอกที่กลีบดอกและเกสรยังไม่ช้ำ ฉีกขาด ถูกทำลายโดยแมลง หรือเริ่มเหี่ยวเฉา
- ดอกไม้ที่มีลักษณะสัณฐานแบน อย่างเช่น ดอกแพนซี่ ดอกไวโอเล็ต หรือดอกแอปเปิล จะอัดให้แบนได้ง่ายกว่าดอกที่มีสัณฐานเป็นทรงสามมิติอย่างดอกกล้วยไม้ ดอกลิลลี่ หรือพีโอนี่ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถแยกดอกไม้ออกมาเป็นส่วน แล้วค่อยนำมาประกอบใหม่เวลาต้องการจะใช้มันได้
- เลือกดอกไม้ในเวลาที่ถูกต้องของวัน. ดอกไม้ที่ยังคงเปียกชื้นจากน้ำค้างหรือฝนมักจะขึ้นราในระหว่างอัดแห้งได้ง่าย ดอกไม้ที่เด็ดมาในตอนบ่ายของฤดูร้อนมักจะมีสีที่เลือนจางลงโฆษณา
- หาเครื่องอัดดอกไม้แห้ง. เครื่องอัดดอกไม้แห้งทำจากไม้และน๊อตโลหะมาพร้อมกับแผ่นกระดาษแข็งและกระดาษอัดดอกไม้ มันมีขายตามร้านขายอุปกรณ์งานฝีมือหรือตามเว็บขายและประมูลของออนไลน์
- ถ้าคุณใช้เครื่องอัดมือสอง ให้ตรวจสอบว่าเครื่องอัดมีกระดาษกับแผ่นกระดาษแข็งสะอาดอยู่ข้างในหรือไม่ ถ้าไม่มี คุณก็ต้องหาแผ่นใหม่มาแทนที่
- นำแผ่นกระดาษแข็งจากกล่องที่มีอยู่ทั่วบ้านเอากลับมาใช้ใหม่ ตัดให้มีขนาดพอดีกับเครื่องอัดดอกไม้
- ตัดแผ่นกระดาษรองอบหรือกระดาษใส่ของแช่แข็งมาใช้ในเครื่องอัดกระดาษ มันควรมีขนาดเดียวกันกับแผ่นกระดาษแข็ง
- คุณสามารถสร้างเครื่องอัดดอกไม้เองถ้าหาซื้อไม่ได้
- ตัดแผ่นไม้อัดสองชิ้นที่ขนาด 9 คูณ 12 นิ้ว (23 ซม. คูณ 30.5 ซม.)
- เจาะรูให้ใหญ่พอสำหรับใส่สลักตรงปลายทั้งสี่มุมของแผ่นไม้ทั้งสองแผ่น ให้แน่ใจว่ารูตรงกันพอดีเวลานำมาซ้อนกัน
- ใส่สลักลงไปทั้งสี่รูของแผ่นไม้แผ่นหนึ่ง เมื่อคุณพร้อมจะอัดดอกไม้ คุณจะนำแผ่นไม้อัดแผ่นที่สองมาทับแล้วขันทั้งสองแผ่นเข้าด้วยกันให้แน่นโดยใช้เกลียวปีกผีเสื้อ
- ตัดแผ่นกระดาษแข็งและแผ่นกระดาษรองอบให้มีขนาดพอดีกับเครื่องอัด
- ถ้าคุณใช้เครื่องอัดมือสอง ให้ตรวจสอบว่าเครื่องอัดมีกระดาษกับแผ่นกระดาษแข็งสะอาดอยู่ข้างในหรือไม่ ถ้าไม่มี คุณก็ต้องหาแผ่นใหม่มาแทนที่
- เตรียมเครื่องอัดดอกไม้. เมื่อคุณพร้อมจะอัดดอกไม้ ยกแผ่นบนสุดของเครื่องอัดดอกไม้ออก และวางไว้ข้างๆ พร้อมเกลียวปีกผีเสื้อ วางแผ่นกระดาษแข็งหนึ่งแผ่นใต้เครื่องอัดดอกไม้ ตามด้วยแผ่นกระดาษอัดดอกไม้สองแผ่น แผ่นที่อยู่ใต้สุดนี้จะทำหน้าที่เป็น "กระดาษซับ"
- จัดวางดอกไม้บนแผ่นกระดาษอัดดอกไม้. วางดอกไม้บนกระดาษแผ่นบนสุด โดยทิ้งระยะค่อนข้างห่างในแต่ละดอกเพื่อให้มันได้แห้งถ้วนทั่ว
- เติมลูกเล่นกับการจัดวางกลีบดอกตามแต่รสนิยมทางศิลปะของคุณ คุณสามารถวางเรียงกัน หรือซ้อนทับบางดอกให้เกิดภาพชวนตะลึง ดอกไม้จะถูกอัดเก็บตามตำแหน่งที่คุณจัดวางให้มัน
- ถ้าจะอัดดอกไม้ให้ดูมีมิติมากขึ้น ให้ตัดครึ่งมันตามแนวยาว หรืออัดกลีบดอกแยกจากกันเป็นแต่ละกลีบ
- เติมกระดาษที่เหลือและชั้นกระดาษแข็ง. วางกระดาษอย่างระมัดระวังบนดอกไม้ที่คุณจัดเรียงเอาไว้
- เติมแผ่น “กระดาษซับ” แผ่นที่สองโดยไม่ให้ไปกระทบกระเทือนดอกไม้ที่วางไว้แล้ว
- เติมแผ่นกระดาษแข็งแผ่นที่สองลงบนชั้นที่วางซ้อนกันอยู่
- อัดดอกไม้. เอาแผ่นบนสุดของเครื่องอัดดอกไม้มาวางลงบนน๊อต แล้วค่อยๆ หย่อนลงไปทับแผ่นกระดาษแข็ง ใช้เกลียวปีกผีเสื้อยึดเครื่องอัดดอกไม้ให้แน่น นำไปเก็บไว้ในจุดที่แห้งภายในบ้าน
- เปลี่ยนแผ่นกระดาษซับในทุกสองสามวัน. ขันน๊อตเครื่องอัดดอกไม้ออกเพื่อเปลี่ยนแผ่นกระดาษซับในทุกสองสามวัน พวกมันจะดูดซับความชื้นจากดอกไม้แม้ว่าคุณอาจไม่รู้สึกถึงมันก็ตาม การเปลี่ยนกระดาษซับจะช่วยป้องกันไม่ให้ดอกไม้เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
- เอาดอกไม้ออกจากเครื่องอัด. หลังจากผ่านไปสองสามสัปดาห์ ดอกไม้เหล่านั้นจะถูกอัดจนแบนและแห้งสนิท ค่อยๆ เปิดชั้นกระดาษและยกมันขึ้นโดนใช้นิ้วหรือคีมคีบ พวกมันพร้อมสำหรับนำมาใช้ในงานฝีมือแล้วโฆษณา
- หาหนังสือเล่มหนาๆ. พจนานุกรม สมุดโทรศัพท์ หรือสารานุกรมล้วนเหมาะสำหรับอัดดอกไม้ทั้งนั้น ความชื้นในดอกไม้สามารถทำให้หน้ากระดาษย่นได้ ฉะนั้นจงใช้หนังสือที่สามารถเกิดความเสียหายได้
- เปิดหนังสือออกและวางดอกไม้ลงตามหน้ากระดาษ. คุณจะต้องใช้กระดาษสี่แผ่น สองแผ่นในนั้นจะทำหน้าที่เป็นกระดาษซับ วางแผ่นกระดาษสองแผ่นไว้ข้างหนังสือทั้งสองด้าน
- จัดวางดอกไม้บนด้านหนึ่งของหนังสือ. ใช้วิธีการตามที่แนะนำไว้ข้างต้น เลือกดอกไม้มาวางเรียงกันหรือจะจัดแต่งให้สวยงามเป็นศิลปะก็ได้ ข้อจำกัดคือพื้นที่จะมีขนาดเท่าหนังสือ
- ปิดหนังสือ. ระวังตอนปิดหนังสือให้ไม่ไปรบกวนการจัดวางดอกไม้ของเรา และกระดาษอยู่เป็นแนวเดียวกับหนังสือ
- ถ้าคุณมีดอกไม้หลายดอก คุณสามารถวางดอกไม้ตามส่วนอื่นๆ ของหนังสือได้ ให้แน่ใจว่าได้ทิ้งช่วงห่างระหว่างหน้าที่ใช้ประมาณครึ่งนิ้ว (1.3 ซม.) เพื่อที่ดอกไม้จะไม่ถ่ายเทความชื้นไปยังดอกอื่นๆ ในหนังสือ ความชื้นที่มีมากเกินไปจะทำให้ขึ้นราได้
- หาหนังสือเล่มหนาๆ มาวางทับบนหนังสือที่ใช้อัดดอกไม้อีกที เก็บมันไว้ในจุดที่แห้งในบ้าน
- เปลี่ยนแผ่นกระดาษซับทุกๆ สองหรือสามวัน. ค่อยๆ เปิดหนังสือไปยังหน้าที่คุณอัดดอกไม้เอาไว้และเอาแผ่นกระดาษรองที่ใช้เป็นแผ่นซับความชื้นออก แทนที่ด้วยแผ่นกระดาษซับแผ่นใหม่ ปิดหนังสือและทิ้งไว้ต่อ
- เอาดอกไม้ออกจากหนังสือ. หลังจากผ่านไปสองสามสัปดาห์ ดอกไม้จะแห้งสนิท ค่อยๆ เปิดชั้นกระดาษและใช้คีมคีบดอกไม้ออกมา คุณจะใช้นิ้วก็ได้แต่ต้องระวังอย่างยิ่ง ตอนนี้พวกมันจะมีสภาพบอบบางมากโฆษณา
- ทำหรือหาซื้อเครื่องอัดสำหรับเข้าไมโครเวฟ. เครื่องอัดสำหรับเข้าเตาไมโครเวฟมีจำหน่าย แต่คุณสามารถทำเองได้ง่ายๆ ให้อัดดอกไม้ระหว่างกระเบื้องเซรามิกสองชิ้นที่รัดติดกันด้วยหนังยาง
- อย่าใส่เครื่องอัดดอกไม้แบบธรรมดาเข้าไปในเตาไมโครเวฟ มันจะติดไฟได้
- คุณอาจเอาหนังสือที่อัดดอกไม้เข้าเตาไมโครเวฟก็ได้ แต่ต้องแน่ใจว่าหนังสือเล่มนั้นไม่มีส่วนที่เป็นโลหะ
- เอาแผ่นกระดาษแข็งกับกระดาษหนึ่งแผ่นมาวางทาบกับกระเบื้อง. ใช้กระดาษพิมพ์เอกสารหรือกระดาษกรองกาแฟก็ได้ตามที่ต้องการ
- เนื่องจากดอกไม้จะแห้งอย่างเร็วมากในเตาไมโครเวฟ จึงไม่จำเป็นจะต้องใช้แผ่นกระดาษซับในวิธีนี้
- จัดดอกไม้วางลงบนกระดาษหนึ่งแผ่น. ใช้วิธีการตามที่แนะนำไว้ข้างต้น เลือกดอกไม้มาวางเรียงกันหรือจะจัดแต่งให้สวยงามเป็นศิลปะก็ได้ ข้อจำกัดคือพื้นที่จะมีขนาดเท่ากระเบื้อง
- ทำกรรมวิธีการอัดให้เสร็จ. เติมกระดาษแผ่นที่สองวางบนดอกไม้ที่จัดเรียงไว้ ตามด้วยแผ่นกระดาษแข็ง ตามด้วยกระเบื้องแผ่นที่สอง รัดทั้งหมดให้แน่นด้วยหนังยางสองเส้น
- เอาเครื่องอัดดอกไม้นี้เข้าเตาไมโครเวฟ. เริ่มด้วยการไมโครเวฟระดับความร้อนต่ำสักนาที เปิดเครื่องอัดและตรวจดูผลลัพธ์ จากนั้นเอาเข้าเตาใหม่และเพิ่มระยะเวลาอีกครั้งละนานขึ้นเล็กน้อยจนกระทั่งดอกไม้นั้นถูกอัดแห้งสนิท
- เสร็จเรียบร้อยโฆษณา
เคล็ดลับ
- ให้แน่ใจว่าวัสดุที่ใช้สามารถนำเข้าเตาไมโครเวฟได้ ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก
- ใบและลำต้นก็สามารถนำมาใช้อัดแห้งได้ แต่ต้องระวังว่ามันอาจเพิ่มความหนา ซึ่งหมายถึงต้องใช้เวลาในการอัดแห้งนานขึ้น ถ้าหากลำต้นนั้นอวบหนาเกินไป คุณสามารถผ่ามันออกเป็นสองซีกได้
คำเตือน
- ให้แน่ใจว่าวัสดุที่ใช้สามารถนำเข้าเตาไมโครเวฟได้ ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก
- ใบและลำต้นก็สามารถนำมาใช้อัดแห้งได้ แต่ต้องระวังว่ามันอาจเพิ่มความหนา ซึ่งหมายถึงต้องใช้เวลาในการอัดแห้งนานขึ้น ถ้าหากลำต้นนั้นอวบหนาเกินไป คุณสามารถผ่ามันออกเป็นสองซีกได้
สิ่งของที่ใช้
- ดอกไม้และพืชต่างๆ
- เครื่องอัดดอกไม้หรือชิ้นส่วนที่จะทำเครื่องอัดดอกไม้ (แผ่นไม้อัด 2 แผ่น, น๊อต 4 ตัว, แผ่นกระดาษ 4 แผ่นและเกลียวปีกผีเสื้อ 4 ตัว)
- หนังสือเล่มหนาๆ
- แผ่นกระดาษแข็ง
- แผ่นรองอบหรือแผ่นกระดาษอัดดอกไม้
- กระเบื้องเซรามิกและหนังยาง (สำหรับวิธีการใช้เตาอบไมโครเวฟ)
ข้อมูลอ้างอิง
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.