วิธีการ ทำความสะอาดเคสมือถือซิลิโคน

เนื่องจากเคสมือถือซิลิโคนเป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อโรค คุณจึงควรหมั่นทำความสะอาดเคสของคุณอยู่เสมอ คุณสามารถล้างทำความสะอาดเคสได้ง่ายๆ เพียงใช้น้ำเปล่าและสบู่และหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์รุนแรง หรือหากไม่มีเวลามากพอ คุณก็สามารถใช้วิธีเช็ดฆ่าเชื้อเพื่อขจัดเชื้อแบคทีเรียที่ติดอยู่บนเคสได้เช่นกัน หมั่นล้างทำความสะอาดเคสของคุณเป็นประจำเดือนละครั้งพร้อมทั้งฆ่าเชื้อบนเคสอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 2:

ล้างทำความสะอาดเดือนละครั้ง

ดาวน์โหลดบทความ

1
ถอดเคสออกก่อนนำไปล้างทำความสะอาด. ถอดเคสออกจากมือถือเพื่อให้สามารถขัดล้างได้อย่างทั่วถึง เริ่มจากออกแรงง้างเบาๆ ที่มุมของเคสเพื่อดันเครื่องขึ้นมา จากนั้นค่อยๆ แงะไปตามขอบเรื่อยๆ จนกระทั่งสามารถถอดเคสออกมาจากเครื่องได้^{[1]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- หลีกเลี่ยงการดึงเคสออกมาอย่างแรงเพื่อไม่ให้เคสเกิดการฉีกขาดหรือได้รับความเสียหาย
น้ำสบู่อุ่นๆ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับล้างทำความสะอาดเคสซิลิโคน คุณสามารถผสมน้ำสบู่ได้โดยเติมน้ำยาล้างจานลงไปในน้ำที่ยังอุ่นอยู่เพื่อให้น้ำยาล้างจานเจือจางเข้ากันกับน้ำเปล่าแล้วคนจนกระทั่งเริ่มเกิดฟองสบู่^{[2]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
3
จุ่มแปรงสีฟันลงในน้ำสบู่และนำไปขัดให้ทั่วเคส. แช่แปรงสีฟันสะอาดในน้ำสบู่ประมาณ 1-2 นาทีแล้วนำไปขัดทำความสะอาดเคส ให้คุณขัดวนเป็นวงกลมเล็กๆ ให้ทั่วเคสโดยเน้นตรงบริเวณที่มีรอยเปื้อนหรือคราบสกปรกเพื่อให้หลุดออกไปมากที่สุด^{[3]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- จุ่มแปรงสีฟันกลับลงไปใหม่เรื่อยๆ เมื่อขัดไปได้สักเล็กน้อยเพื่อให้มั่นใจในความสะอาดหมดจด
โรยเบคกิ้งโซดาลงไปบนรอยเปื้อนหรือคราบสกปรกที่หลุดออกยาก. เบคกิ้งโซดาสามารถช่วยขจัดความมัน สิ่งสกปรก หรือเศษต่างๆ บนเคสที่ติดแน่นให้หลุดออกไปได้อย่างง่ายดาย โรยเบคกิ้งโซดาเล็กน้อยลงไปบนรอยเปื้อนหรือคราบสกปรกแล้วใช้แปรงสีฟันขัดออกให้สะอาด^{[4]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
เมื่อขัดทำความสะอาดเคสจนทั่วแล้ว ให้คุณล้างน้ำสบู่ออกให้สะอาดโดยเปิดน้ำจากก๊อกให้ไหลผ่านเคส พยายามล้างด้วยน้ำอุ่นและหลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนหรือน้ำเย็น รวมถึงใช้มือถูเบาๆ ในขณะล้างด้วยน้ำเปล่าเพื่อไม่ให้มีคราบสบู่เหลือตกค้าง^{[5]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
6
ผึ่งให้แห้งสนิทก่อนใส่เคสกลับเข้าไปดังเดิม. การใส่เคสกลับเข้าไปในขณะที่เคสยังคงเปียกชื้นอยู่อาจทำให้มือถือของคุณได้รับความเสียหายและก่อให้เกิดเชื้อแบคทีเรียสะสมอยู่ภายในเคสได้ ใช้กระดาษอเนกประสงค์ซับน้ำออกไปให้มากที่สุดและผึ่งทิ้งไว้สัก 1 ชั่วโมงเพื่อให้มั่นใจว่าเคสแห้งสนิทและพร้อมสำหรับนำกลับไปใช้ดังเดิม^{[6]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- หากมีเวลาไม่มากนัก คุณสามารถใช้ไดร์เป่าผมเป่าสักครู่เพื่อให้เคสแห้งลงโดยปรับระดับให้ต่ำสุด
ล้างทำความสะอาดเคสเดือนละครั้งเพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคและสิ่งสกปรก. เนื่องจากมือถือเป็นสิ่งที่คุณใช้อยู่ประจำทุกวัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ความมันและแบคทีเรียตามร่างกายจะติดไปกับมือถือของคุณ พยายามลดการสะสมของเชื้อโรคและสิ่งสกปรกให้น้อยที่สุดด้วยการหมั่นล้างทำความสะอาดเคสทั้งด้านในและด้านนอกอย่างน้อยเดือนละครั้ง และเพื่อให้จำได้ คุณสามารถใช้วิธีตั้งค่าการแจ้งเตือนบนมือถือทุกๆ เดือนหรือจดบันทึกลงบนปฏิทินหรือสมุดโน้ตของคุณ^{[7]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
โฆษณา

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 2:

เช็ดฆ่าเชื้อสัปดาห์ละครั้ง

ดาวน์โหลดบทความ

การเช็ดฆ่าเชื้อแต่เพียงด้านนอกของเคสเท่านั้นดูจะไม่มีประโยชน์เท่าไรนัก เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียยังคงติดค้างอยู่ที่ตัวเครื่องและด้านในของเคส ดังนั้นคุณจึงควรถอดเคสออกจากเครื่องทุกครั้งและเช็ดทั้งด้านในและด้านนอกของเคสเพื่อขจัดเชื้อโรคที่ติดอยู่บนเคสออกอย่างหมดจด^{[8]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
2
เช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดสูตรฆ่าเชื้ออย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง. ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดสูตรฆ่าเชื้อเช็ดให้ทั่วพื้นผิวของเคสทั้งด้านในและด้านนอก ทิ้งไว้สักพักให้แห้งสนิทจึงใส่เคสกลับเข้าไปดังเดิม^{[9]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- คุณยังสามารถใช้วิธีนี้สำหรับการฆ่าเชื้ออย่างรวดเร็วเมื่อมือถือของคุณเพิ่งสัมผัสถูกบริเวณที่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค
3
ฆ่าเชื้อด้วยไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์แทนหากไม่สามารถหาผ้าเช็ดทำความสะอาดได้. เทแอลกอฮอล์ลงบนก้านสำลีหรือสำลีก้อนแล้วนำไปเช็ดให้ทั่วพื้นผิวของเคสทั้งด้านในและด้านนอกเพื่อขจัดเชื้อแบคทีเรียที่ติดอยู่บนเคสออกไป^{[10]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- แอลกอฮอล์จะระเหยภายในเวลาไม่กี่วินาทีหลังจากเช็ดลงไป
ควรแน่ใจว่าไม่มีความชื้นหลงเหลืออยู่ภายในเคสเพื่อป้องกันไม่ให้มือถือได้รับความเสียหาย โดยผึ่งไว้นานขึ้นอีกเล็กน้อยหลังแอลกอฮอล์ระเหยไปแล้วเพื่อให้แน่ใจว่าเคสแห้งสนิทก่อนใส่กลับเข้าไปดังเดิม
5
หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่รุนแรง. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เข้มข้นและประกอบด้วยสารเคมีรุนแรงสามารถก่อให้เกิดความเสียหายต่อวัสดุที่ทำจากซิลิโคนได้ คุณจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาดเหล่านี้^{[11]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- น้ำยาทำความสะอาดในครัวเรือน
- น้ำยาทำความสะอาดกระจก
- น้ำยาทำความสะอาดที่ผสมแอมโมเนีย
- น้ำนาทำความสะอาดที่ประกอบด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
- สเปรย์ละอองลอย
- สารทำละลาย
โฆษณา