วิธีการ ติดตั้งระบบปฏิบัติการในคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการติดตั้งระบบปฏิบัติการ ในคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ว่างๆ ให้คุณเอง ทำได้ในคอมพิวเตอร์ Windows โดยใช้ Windows Installation media หรืออุปกรณ์ที่เซฟไฟล์ติดตั้งไว้ ถ้าเป็นเครื่อง Mac รุ่นใหม่ๆ จะมาพร้อมระบบปฏิบัติการอยู่แล้ว แต่จะลงระบบปฏิบัติการ default ของ Mac ใหม่เองก็ได้ โดยใช้ฟีเจอร์ macOS recovery

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 4:

ติดตั้ง Windows 10

ดาวน์โหลดบทความ

1
สร้าง Windows Installation Media. ถ้าซื้อ Windows 10 มาลงใน PC เครื่องใหม่ ส่วนใหญ่จะมี installation media หรืออุปกรณ์ที่มีไฟล์ติดตั้งมาให้ ถ้าไม่มี Windows installation media ก็ทำเองซะเลย โดยต้องมีคอมพิวเตอร์ที่ต่อเน็ตแล้ว และแฟลชไดรฟ์ USB ความจุ 8 GB ขึ้นไป (แนะนำ 16 GB) ต้องเช็คก่อนว่าคอมเครื่องที่จะลง Windows 10 นั้นเป็นระบบ 32-bit หรือ 64-bit หลังจากนั้นให้ซื้อ Windows แล้วจะได้ product key มา ซึ่งจะทำก่อนหรือหลังติดตั้งก็ได้ ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการสร้าง Windows Installation Media
- เสียบไดรฟ์ USB ความจุ 8 GB ขึ้นไป ที่คอมที่ต่อเน็ตแล้ว ข้อมูลทุกอย่างในไดรฟ์ USB จะหายไป อย่าลืม back up ข้อมูลเก็บไว้ก่อน
- เข้าเว็บ https://www.microsoft.com/en-us/software-download/windows10 ในเบราว์เซอร์
- คลิก Download Tool Now
- เปิดไฟล์ "MediaCreationTool.exe" ในเบราว์เซอร์ หรือโฟลเดอร์ Downloads
- คลิก Accept
- เลือก "Create Installation Media (USB drive, DVD, ISO file) for another PC" แล้วคลิก Next
- เลือกภาษา, เวอร์ชั่น Windows และโครงสร้างของ PC จากนั้นคลิก Next
- เลือก "USB flash drive" แล้วคลิก Next
- เลือกไดรฟ์ USB แล้วคลิก Next
ถ้าในเครื่องลง Windows ไว้แล้ว การลง Windows ใหม่ จะไปทับไฟล์เก่า แนะนำให้ back up ข้อมูลเก็บไว้ก่อนเริ่มติดตั้ง Windows ใหม่ คุณ back up ไฟล์ไว้ได้ทั้งใน OneDrive, Google Drive, Dropbox และ external hard drive หรือแฟลชไดรฟ์ USB
จะเสียบ Windows Installation media ที่พอร์ท USB ไหนก็ได้ที่ว่างอยู่
ถ้า PC เปิดเครื่องไว้ ให้รีสตาร์ทตามขั้นตอนปกติของระบบปฏิบัติการที่ลงไว้ใน PC ถ้าคอมยังไม่ได้เปิด ให้กดปุ่ม power เพื่อเปิดเครื่องขึ้นมา
5
เข้าเมนู Boot. คอมรุ่นใหม่ๆ จะมีเมนู boot เข้าได้ตอนเครื่องกำลังเปิด วิธีเข้าเมนูนี้ก็จะต่างกันไปตามเมนบอร์ดที่ใช้ แต่ส่วนใหญ่เข้าเมนู Boot ได้โดยกด F10, F11, F12, F2 หรือ Esc ตอน PC กำลังเปิดเครื่อง เมนู Boot นี้จะแสดงรายชื่อไดรฟ์ที่ใช้ boot เครื่องได้^{[1]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถ้าใช้ PC รุ่นเก่าๆ ที่ไม่มีเมนู Boot ให้เข้า BIOS ตอนเครื่องกำลังเปิด ปุ่มที่ใช้กดเข้า BIOS จะต่างกันไปตามยี่ห้อ PC ที่ใช้ แต่ปกติตอน boot เครื่อง จะมีบอกว่าต้องกดปุ่มไหน ส่วนใหญ่จะเป็น F1 F2, F3, Esc หรือ Delete^{[2]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} ย้ำว่าต้องกดเร็วมาก หรือจะรีสตาร์ท PC เข้า BIOS จากในเมนู Windows Settings ก็ได้
6
เลือกไดรฟ์ USB. ต้องเป็นไดรฟ์ที่เสียบ Windows Installation Media ไว้ เพื่อ boot PC จาก Windows Installation Media พอคอม boot เครื่องจากไดรฟ์ USB แล้ว ให้กดปุ่มไหนก็ได้ เพื่อเริ่มขั้นตอนการติดตั้ง Windows
- ถ้าเข้ามาใน BIOS settings แล้ว ให้มองหาตัวเลือกที่เขียนว่า "Boot", "Boot order", "Priorities" หรืออะไรที่ใกล้เคียง แล้วเปลี่ยน boot order หรือลำดับอุปกรณ์ที่ใช้ boot เครื่อง เพื่อให้ PC boot เครื่องจากไดรฟ์ USB ก่อน เลือกแล้วก็เซฟแล้วออกมา เท่านี้ PC ก็จะรีสตาร์ทใหม่โดยใช้ไดรฟ์ USB
เลือกภาษา โซนเวลา และค่าเงิน รวมถึง keyboard input แล้วคลิก Next. ขั้นแรกให้เลือกภาษาจากในเมนูที่ขยายลงมา แล้วเลือกประเทศหรือภูมิภาค จากนั้นเลือก keyboard input แล้วคลิก Next
ที่เป็นปุ่มตรงกลางหน้าจอ
ถ้าซื้อ Windows มาแล้ว จะมี license key ส่งมาทางอีเมลยืนยัน ถ้ายังไม่ได้ซื้อ Windows ให้คลิก I don't have a product key แล้วค่อยซื้อ Windows และมา activate ภายหลัง
10
เลือกเวอร์ชั่น Windows ที่จะติดตั้ง แล้วคลิก Next. ถ้าซื้อ Windows แล้ว ให้เช็คเวอร์ชั่น Windows ที่ซื้อมา แล้วดูให้แน่ใจว่าคลิกเลือกถูกเวอร์ชั่นแล้ว ถ้ายังไม่ได้ซื้อ Windows ให้ติ๊กเลือกเวอร์ชั่นที่จะติดตั้ง เพราะแต่ละเวอร์ชั่นของ Windows ก็จะราคาแตกต่างกันไป
- ถ้าไม่แน่ใจว่าควรติดตั้ง Windows เวอร์ชั่นไหนดี แนะนำ Windows Home Edition เพราะคนนิยมใช้กันมากที่สุด
จากนั้นอ่าน license terms หรือเงื่อนไขการใช้งานในหน้าต่างตรงกลาง เสร็จแล้วคลิก next เพื่อไปต่อ
ถ้าคอมที่ใช้มี Windows อยู่แล้ว ให้คลิก Upgrade: Install Windows and keep files, settings, and applications ถ้าในคอมไม่ได้ลง Windows ไว้ หรืออยากลง Windows ใหม่เอง ให้คลิก Custom: Install Windows only
เลือกไดรฟ์หรือพาร์ทิชั่นที่จะลง Windows แล้วคลิก Delete. ถ้ามีหลายฮาร์ดไดรฟ์ หรือฮาร์ดไดรฟ์มีหลายพาร์ทิชั่น ให้เลือกพาร์ทิชั่นที่จะลง Windows แล้วคลิก Delete เตือนกันก่อนว่าทำแล้วข้อมูลทั้งหมดในไดรฟ์จะถูกลบหายไป ให้ back up ข้อมูลทั้งหมดเก็บไว้ก่อนทำตามขั้นตอน หลังจากนี้จะทวงพื้นที่ว่างที่ตอนแรกแบ่งไว้คืนมาได้
เลือกไดรฟ์ที่มีพื้นที่แบบ unallocated คือไม่ได้แบ่งไว้ จากนั้นคลิก Next. เพื่อเริ่มติดตั้ง Windows ในไดรฟ์ที่เลือก ส่วนจะใช้เวลาเท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับ hardware ของคอม
พอติดตั้ง Windows เสร็จแล้ว คอมจะรีสตาร์ทอัตโนมัติ ให้ถอดแฟลชไดรฟ์ USB เพื่อไม่ให้คอมพยายาม boot เครื่องจากแฟลชไดรฟ์อีก พอ Windows boot เครื่องขึ้นมาครั้งแรก ก็ต้องไปทำขั้นตอน Setup หรือตั้งค่าจนเสร็จสิ้น
โฆษณา

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 4:

ตั้งค่า Windows 10

ดาวน์โหลดบทความ

1
ยืนยันภูมิภาคและ keyboard input. พอ Windows รีสตาร์ทเสร็จ จะมีให้ยืนยันภูมิภาคและรูปแบบคีย์บอร์ด หรือ keyboard input ถ้าทุกอย่างถูกต้องแล้ว ให้คลิก Yes มุมขวาล่าง หรือเลือกภูมิภาคและ keyboard input ให้ถูกต้องซะก่อน
- จะมีให้เลือก keyboard input อื่นด้วย ถ้าอยากเลือก keyboard input อีกแบบด้วย ให้คลิก Add Input แล้วเลือกรูปแบบนั้นเพิ่มเติม ถ้าไม่ต้องการให้คลิก Skip^{[3]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
2
ต่อเน็ต Wi-Fi. เลือกสัญญาณ Wi-Fi แล้วคลิก Connect จากนั้นใส่รหัสผ่านแล้วคลิก Next
- ถ้าใช้เน็ตแบบเสียบสาย ก็ต้องเสียบสาย Ethernet กับโมเด็มก่อน แล้ว Windows จะสแกนเจอสัญญาณเน็ตโดยอัตโนมัติ
3
เลือก Set up for personal use แล้วคลิก Next. แล้วจะมีให้ล็อกอินบัญชี Microsoft เพื่อใช้เป็นคอมส่วนตัว
- ถ้าจะตั้งค่าให้เป็นคอมขององค์กรหรือบริษัท ก็เลือก Set up for an organization แล้วคลิก Next แต่ถ้าจะตั้งค่าเริ่มใช้งาน Windows ด้วยอีเมลบริษัท อาจจะต้องปรึกษาแผนกไอทีก่อน
4
ล็อกอิน Windows. ถ้ามีบัญชี Microsoft อยู่แล้ว ก็ล็อกอินด้วยบัญชี Microsoft ได้เลย เพื่อ import ตัว digital license จากคอม Windows เครื่องก่อน โดยพิมพ์อีเมล เบอร์โทร หรือเบอร์ Skype และรหัสผ่าน เพื่อล็อกอินบัญชี Microsoft
- ถ้าไม่มีบัญชี Microsoft ให้คลิก Create account แล้วสร้างบัญชี Microsoft ใหม่ไปตามขั้นตอน
- หรือคลิก Offline account มุมขวาล่าง เพื่อสร้างบัญชี local user ใหม่ใน Windows โดยไม่ต้องพ่วงบัญชี Microsoft
Cortana เป็นระบบสั่งการด้วยเสียงของ Windows ถ้าจะตั้งค่าเริ่มใช้งาน Cortana ก็แค่คลิก Accept แล้วทำตามขั้นตอนที่ปรากฏ ถ้ายังไม่อยากตั้งค่าตอนนี้ ให้คลิก Decline
คลิก Yes แล้วตั้งค่า Windows timeline ไปตามขั้นตอนที่ปรากฏ. ฟีเจอร์นี้ให้คุณทำงานที่ค้าง ต่อใน Windows เครื่องอื่นได้ ถ้าจะตั้งค่าเริ่มใช้งานฟีเจอร์นี้ ให้คลิก Yes แล้วทำตามขั้นตอนที่ปรากฏ ถ้ายังไม่อยากตั้งค่าฟีเจอร์ตอนนี้ ให้คลิก No เพื่อไปยังขั้นตอนต่อไป
ตามค่า default Windows จะเปิด GPS location tracking, Speech recognition, diagnostics, find my device, inking และ typing ไว้ เพื่อช่วย Microsoft พัฒนาการตรวจจับภาษาได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงเรื่องโฆษณาด้วย ถ้าจะปิดฟีเจอร์พวกนี้ ให้คลิกเลื่อนสวิตช์ไปที่ off จากนั้นคลิก Accept Windows จะตั้งค่าอีกนิดหน่อย แล้วเปิดหน้า desktop ขึ้นมา^{[4]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
โฆษณา

วิธีการ 3

วิธีการ 3 ของ 4:

ติดตั้ง MacOS

ดาวน์โหลดบทความ

แนะนำให้ back up ไฟล์และข้อมูลทั้งหมดที่ต้องการหรือสำคัญ เก็บไว้ก่อนติดตั้ง macOS ใหม่ (หรือติดตั้งทับ) ใน Mac ปกติคุณ back up ข้อมูลไว้ใน iCloud, Google Drive, Dropbox หรือ external hard drive ไม่ก็แฟลชไดรฟ์ USB ได้เลย
2
รีสตาร์ท Mac. ถ้าจะรีสตาร์ท Mac ให้คลิกไอคอน Apple มุมขวาบน แล้วคลิก Restart
- ถ้า Mac ปิดเครื่องอยู่ ให้กดปุ่ม Power เพื่อเปิดเครื่อง
- ต้องต่อเน็ตก่อน ถึงจะลง macOS ใน Mac ได้
ต้องรีบทำก่อนจะทันมีเสียงเวลา Mac เปิดเครื่อง แล้วกดค้างต่อไปจนหน้าจอ recovery ของ Mac โผล่มา
4
ต่อเน็ต Wi-Fi
. ถ้าจะต่อเน็ตผ่าน Wi-Fi ให้คลิกไอคอนจุดกับเส้นโค้ง 3 เส้น มุมขวาบน จากนั้นคลิกสัญญาณ Wi-Fi ที่ต้องการ แล้วใส่รหัสผ่าน สุดท้ายคลิก Join
- ถ้าจะต่อเน็ตแบบเสียบสาย ต้องเสียบสาย Ethernet ที่โมเด็ม
5
ฟอร์แมตฮาร์ดไดรฟ์ใหม่ (ไม่บังคับ). อันนี้แล้วแต่ความต้องการในการใช้งาน จะล้างข้อมูล macOS ในฮาร์ดไดรฟ์แล้วติดตั้งใหม่เลยก็ได้ แต่ล้างข้อมูลในฮาร์ดไดรฟ์แล้ว จะกู้คืนไม่ได้อีก แนะนำให้ back up ข้อมูลสำคัญหรือข้อมูลที่ต้องการไว้ก่อนฟอร์แมตฮาร์ดไดรฟ์ ถ้าไม่อยากลบข้อมูลในฮาร์ดไดรฟ์ ก็ไม่ต้องทำขั้นตอนนี้ เพื่อลง macOS ใหม่ โดยเก็บข้อมูลในไดรฟ์ไว้ ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการฟอร์แมตฮาร์ดไดรฟ์เก่า
- คลิก Disk Utility แล้วคลิก Continue
- คลิกฮาร์ดไดรฟ์ที่จะลบข้อมูล ในกรอบทางขวา ย้ำว่าต้องเลือกให้ถูกไดรฟ์
- คลิก Erase ทางด้านบน
- พิมพ์ชื่อใหม่ของไดรฟ์ตามต้องการ (ไม่บังคับ)
- เลือกฟอร์แมตเป็น "Mac OS Extended (Journaled)" หรือ "APFS"
- คลิก Erase
- ปิดหน้าต่าง Disk Utility
เพื่อเริ่มขั้นตอนติดตั้ง macOS ใหม่
ที่เป็นไอคอนลูกศร ตรงกลางด้านล่างของหน้าจอ
ก่อนยอมรับเงื่อนไขและข้อตกลงการใช้งาน ให้อ่านข้อความ แล้วคลิก Agree ทางด้านล่าง จากนั้นคลิก Agree อีกรอบ ในหน้าต่าง pop-up แจ้งเตือน
เพื่อเริ่มขั้นตอนการติดตั้ง macOS ในฮาร์ดไดรฟ์ ขั้นตอนนี้อาจจะใช้เวลาหน่อย แล้วแต่ hardware ของ Mac และความแรงเน็ตที่ใช้ เสร็จแล้ว Mac จะรีสตาร์ท
โฆษณา

วิธีการ 4

วิธีการ 4 ของ 4:

ตั้งค่า MacOS

ดาวน์โหลดบทความ

เลือกภาษาจากในเมนู แล้วคลิก Continue ทางด้านล่างของหน้าจอ
คุณล็อกอิน Wi-Fi ได้โดยเลือกสัญญาณ Wi-Fi ที่ต้องการ แล้วใส่รหัสผ่าน จากนั้นคลิก Continue ทางด้านล่างของหน้าจอ
หน้าจอนี้จะอธิบายเล็กน้อยเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและข้อมูล จะอ่านรายละเอียดหรือคลิก Continue เพื่อข้ามไปขั้นตอนถัดไปก็ได้
เลือกวิธีการถ่ายโอนข้อมูลไปยัง Mac แล้วคลิก Continue. ถ้ามีข้อมูลสำคัญที่ต้องการถ่ายโอนจาก Mac เครื่องเก่า ข้อมูลใน Time Machine หรือใน Windows PC ไปยังเครื่องใหม่ ให้เลือกตัวเลือกที่เหมาะสม แล้วคลิก Continue ถ้าไม่ ให้เลือก "Don't transfer any information now" แล้วคลิก Continue
5
ล็อกอินด้วย Apple ID. คุณล็อกอิน Apple ID ได้โดยพิมพ์อีเมลที่พ่วงไว้กับ Apple ID แล้วคลิก Continue จากนั้นพิมพ์รหัสผ่าน แล้วคลิก Continue
- ถ้าไม่มี Apple ID ให้คลิก Create New Apple ID แล้วสมัคร Apple ID ใหม่ตามขั้นตอนที่ปรากฏ
- หรือคลิก Set up later แล้วคลิก Skip เพื่อข้ามขั้นตอนนี้ไป
ก่อนยอมรับเงื่อนไขและข้อตกลงการใช้งาน ให้อ่านข้อความในหน้านั้น แล้วคลิก Agree ทางด้านล่าง จากนั้นคลิก Agree อีกรอบในหน้าต่าง pop-up แจ้งเตือน
7
สมัครบัญชีผู้ใช้ใหม่. ต้องสมัครบัญชีผู้ใช้ก่อน ถึงจะล็อกอิน Mac ได้ ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการสมัครบัญชีผู้ใช้ใหม่
- พิมพ์ชื่อและนามสกุลใน 2 ช่องแรกด้านบน
- พิมพ์ชื่อบัญชีผู้ใช้
- พิมพ์รหัสผ่านใน 2 ช่องถัดไป
- พิมพ์คำใบ้รหัสผ่าน
- คลิก Continue
8
ยืนยันการตั้งค่าเริ่มใช้งาน แล้วคลิก Continue. เช็คข้อมูลในหน้าจอ Express Setup เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด จากนั้นคลิก Continue เพื่อไปยังขั้นตอนถัดไป
- ถ้าจะตั้งค่าแบบ custom ให้คลิก Custom setup ทางด้านล่างของหน้าจอ
เลือกว่าจะแชร์ข้อมูลการใช้งานให้ผู้พัฒนาแอพเอาไปวิเคราะห์หรือไม่ จากนั้นคลิก Continue. ถ้าจะแชร์ analytics กับผู้พัฒนาแอพ เพื่อให้ทางทีมงานนำข้อมูลไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไป ก็คลิกช่องติ๊กข้าง "Share crash and usage data with app developers" ถ้าอยากเก็บข้อมูลไว้เป็นส่วนตัว ก็ไม่ต้องติ๊กช่องนี้ ให้คลิก Continue เพื่อไปยังขั้นตอนถัดไป
screen time settings ใช้จำกัดเวลาการใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ รวมถึงจำกัดเนื้อหา และแสดงรายงานการใช้งาน ถ้าจะตั้งค่าใช้งานฟีเจอร์พวกนี้ ให้คลิกตัวเลือกในหน้าจอ แล้วตั้งค่า screen time settings ไปตามขั้นตอนในหน้าจอ จากนั้นคลิก Continue เมื่อพร้อมไปขั้นตอนถัดไป
Siri เป็นระบบสั่งการด้วยเสียงของ Apple ถ้าจะตั้งค่าเริ่มใช้งาน Siri ให้คลิกช่องติ๊กข้าง "Enable Ask Siri" แล้วคลิก Continue
ถ้ามีไฟล์เสียงที่อัดไว้ แล้วใช้พัฒนาระบบของ Siri ได้ ให้เลือก "Share audio recordings" ถ้าไม่ต้องการทำขั้นตอนนี้ ให้คลิกตัวเลือก "Not now" คลิก Continue เพื่อข้ามไปขั้นตอนถัดไป
คลิก 1 ใน 3 ตัวเลือกธีมที่มีให้ จากนั้นคลิก Continue เพื่อไปยังขั้นตอนถัดไป หลังจากนี้ macOS จะใช้เวลา 2 - 3 นาทีในการตั้งค่าทุกอย่าง แล้วล็อกอินคุณพร้อมใช้งาน Mac^{[5]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
โฆษณา

เคล็ดลับ

คุณติดตั้ง Windows 10 ใน Mac ได้ด้วย โดยใช้ Boot Camp
ถ้าเบื่อระบบปฏิบัติการทั่วไปอย่าง Windows หรือ Mac จะเปลี่ยนไปติดตั้ง Linux อย่าง Ubuntu หรือ Debian แทนก็ได้

โฆษณา