วิธีการ ฉีดน้ำหอม

น้ำหอมอาจเป็นสิ่งทำให้ชุดของคุณสมบูรณ์แบบขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชุดเสื้อยืดหรือยีนส์ตัวโปรด การฉีดน้ำหอมอาจเพิ่มชีวิตชีวาให้เดทยามค่ำคืนของคุณ และช่วยดึงความสนใจจากคู่เดท อย่างไรก็ตาม มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวิธีฉีดน้ำหอม ที่ที่ควรฉีด และชนิดของน้ำหอมที่ควรซื้อ ความแตกต่างระหว่างการฉีดน้ำหอมถูกและผิดนั้นต่างกันมาก และอาจเปลี่ยนแนวทางที่จะเกิดขึ้นกับเดทของคุณ โชคดีว่า วิธีการฉีดน้ำหอมให้ถูกวิธีนั้นง่ายมาก

ส่วน 1

ส่วน 1 ของ 4:

เตรียมฉีดน้ำหอม

ดาวน์โหลดบทความ

1
หาน้ำหอมที่เหมาะกับคุณ. อย่าเลือกน้ำหอมอะไรเพียงเพราะมันเป็นแบรนด์ ต้องแน่ใจก่อนว่าคุณชอบ Top note (กลิ่นแรก) และ Bottom note (กลิ่นพื้นฐาน) ของน้ำหอมจริงๆ.
- Top note (กลิ่นแรก) คือสิ่งที่คุณได้กลิ่นครั้งแรกเมื่อเข้าไปใกล้ขวดน้ำหอม มักเป็นกลิ่นมะนาว ผลไม้ และสมุนไพร. กลิ่นเหล่านี้จางเร็ว ดังนั้นจึงควรดู Bottom note (กลิ่นพื้นฐาน) ด้วย ^{[1]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- Bottom note (กลิ่นพื้นฐาน) มักเป็นกลิ่นไม้และกลิ่นธรรมชาติ ตรวจสอบว่าคุณชอบกลิ่นพื้นฐานหรือไม่ด้วยการฉีดน้ำหอมลงบนหลังข้อมือ รอ 20 นาที และดมน้ำหอมอีกครั้ง ^{[2]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- คุณอาจพิจารณาตัวเลือกต่างๆ ด้วยการไปร้านน้ำหอมจริงๆ (เช่น ร้าน Bath and Body หรือแผนกน้ำหอมในห้างสรรพสินค้า) และขอคำแนะนำ^{[3]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
2
เลือกน้ำหอมสำหรับกลางคืนหรือกลางวัน. หากคุณเพียงออกไปในเมือง ไปทำงาน หรือไปทะเล ก็ให้ลองใช้น้ำหอมสำหรับกลางวัน หากคุณจะไปเดทหรือทานอาหารค่ำ ให้ลองใช้น้ำหอมสำหรับกลางคืน
- อ่านฉลากบนสินค้า. จะมีระบุว่าเป็น "daytime (กลางวัน)" หรือ “nighttime (กลางคืน)” หากไม่มีเขียนไว้ คุณอาจแยกได้จากสีของบรรจุภัณฑ์ สีเหลืองสดและสีส้มแทนฤดูใบไม้ผลิ และมักเป็นน้ำหอมสำหรับกลางวัน สีน้ำเงิน แดง หรือสีม่วงหมายถึงน้ำหอมกลางคืน^{[4]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- น้ำหอมกลางคืนมักเป็นสเปรย์หรือใช้บริเวณคอ. เนื่องจากน้ำหอมนี้จะอยู่ได้ไม่นาน และคุณก็คงอยากให้ได้ผลทันที ในกรณีนี้ ให้ทาผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้น (moisturizer) บริเวณที่ต้องการ เพื่อให้น้ำหอมติดทนขึ้น^{[5]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- น้ำหอมกลางวันนั้นมักฉีดบริเวณสะโพกหรือหัวเข่า. เนื่องจากกลิ่นน้ำหอมจะลอยขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป และติดนานกว่า ดังนั้น ใช้ผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้น (moisturizer) ใกล้ๆ บริเวณที่ต้องการเพื่อให้น้ำหอมติดทนขึ้น^{[6]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
3
อาบน้ำ. ผิวหนังซึมซับน้ำหอมได้ดีขึ้นเมื่ออุ่น อาบน้ำร้อนเพื่อให้รูขุมขนเปิด^{[7]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ใช้ครีมอาบน้ำหรือสบู่ที่ไม่มีกลิ่นหรือมีกลิ่นอ่อนมาก คุณคงไม่อยากให้กลิ่นน้ำหอมตีกับกลิ่นสบู่^{[8]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เวลานี้ยังเหมาะที่จะให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวด้วย. ใช้ครีมหรือน้ำมันเพื่อให้ผิวซึมซับน้ำหอมได้ดีขึ้น
- การสระผมก็ช่วยได้ หากคุณต้องการฉีดน้ำหอมบน อย่าลืมใช้ครีมนวดผมเพื่อให้ผมนิ่มและซึมซับน้ำหอมได้ดีขึ้น
หลังอาบน้ำอุ่นแล้วควรเช็ดตัวให้แห้ง มิเช่นนั้นน้ำหอมจะไม่ติดผิว โดยเฉพาะบริเวณที่เอื้อมถึงได้ยาก เช่น หลังเข่า ลำคอ และผม บริเวณนี้เรียกว่า "จุดชีพจร (pulse points)" หรือบริเวณที่น้ำหอมติดทนและออกฤทธิ์ได้ดีที่สุด ^{[9]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
5
ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว. หากไม่ได้ทาผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นระหว่างอาบน้ำ ให้ทำมันหลังจากเช็ดผิวให้แห้งแล้ว น้ำหอมจะติดทนบนผิวนุ่มลื่นมากกว่าผิวแห้งหยาบ^{[10]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}^{[11]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- โลชั่นหรือออยล์ดีที่สุด. เทผลิตภัณฑ์ลงบนมือและถูไปมา แล้วจึงใช้มือทาโลชั่นหรือออยล์ลงบนผิว^{[12]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ปิโตรเลียมเจลลี่ก็ได้ผลเช่นกัน. น้ำหอมจะติดบนโมเลกุลของเจลลี่แทนรูขุมขน ทำให้น้ำหอมติดทนขึ้น ทาปริมาณน้อยให้เนียนบนผิวหนัง^{[13]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- สิ่งสำคัญคือต้องทาบริเวณ “จุดชีพจร” เช่น เท้า เข่า ข้อศอก ไหปลาร้า และคอ บริเวณนี้คือที่ๆ คุณควรฉีดน้ำหอมเพราะมันจะมีประสิทธิภาพที่สุด.^{[14]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
การฉีดน้ำหอมลงบนเสื้อผ้าจะทำให้เสื้อเป็นรอยน้ำ ซึ่งไม่เหมาะสมเท่าไหร่หากคุณจะออกไปเดทตอนกลางคืน น้ำหอมยังทำงานได้ดีที่สุดบริเวณจุดชีพจรมากกว่าบนเสื้อผ้า เพราะโมเลกุลจะมีปฏิกิริยาโดยตรงกับผิวหนัง ^{[15]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}^{[16]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
โฆษณา

ส่วน 2

ส่วน 2 ของ 4:

ฉีดน้ำหอม

ดาวน์โหลดบทความ

ถือขวดให้ห่างจากตัว 5-7 นิ้ว หันหัวฉีดมาทางตัว หากคุณตัวเปียกเพราะสเปรย์ แสดงว่าคุณถือขวดใกล้ไป^{[17]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
ฉีดน้ำหอมลงบน "จุดชีพจร" จุดเหล่านี้คือบริเวณที่เส้นเลือดใกล้ผิวหนังที่สุด รวมถึงมีความร้อนมากบริเวณเหล่านี้ เนื่องจากความร้อนจะลอยตัวขึ้นสูง น้ำหอมจึงส่งกลิ่นได้ดี บริเวณที่นิยมคือไหปลาร้า หัวเข่า และลำคอ^{[18]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
แทนที่จะเดินผ่านละอองน้ำหอม ให้คุณฉีดสเปรย์ลงบริเวณจุดชีพจร วิธีนี้เพิ่มประสิทธิภาพให้สเปรย์ และไม่ทำให้น้ำหอมจางมากเกินไป^{[19]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
หากน้ำหอมที่ใช้ไม่ใช่แบบหัวฉีด ให้ใช้มือแตะน้ำหอมลงบนจุดชีพจร หยดน้ำหอมลงบนมือเล็กน้อย ถูไปมาระหว่างมือ แล้วจึงทาลงบนผิวหนัง ถูวนไปมาเป็นวงกลมเล็กๆ
5
ปล่อยให้จุดชีพจรแห้ง โดยไม่ถูไปมา. อย่าสวมเสื้อผ้าจนกว่าบริเวณนั้นจะแห้ง รออย่างน้อย 10 นาที น้ำมันธรรมชาติทำให้กลิ่นน้ำหอมเปลี่ยน จึงไม่ควรถูบริเวณที่ฉีดน้ำหอม^{[20]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- หลายคนมักนิยมถูข้อมือสองข้างไปมาหลังจากพรมน้ำหอม อย่างไรก็ตาม การถูข้อมือไปมาทำให้โมเลกุลน้ำหอมแตกตัวและทำให้กลิ่นเหม็น ^{[21]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
ควรฉีดน้ำหอมปริมาณน้อย ฉีดน้อยไปดีกว่าฉีดมากไป อาจแบ่งน้ำหอมใส่ขวดเล็กพกไว้ในกระเป๋า และพรมน้ำหอมเพิ่มหากคิดว่ากลิ่นจางเกินไป
โฆษณา

ส่วน 3

ส่วน 3 ของ 4:

เลือกบริเวณที่ต้องการ

ดาวน์โหลดบทความ

1
ฉีดน้ำหอมลงบนหวีและหวีผม. กลิ่นหอมจับตัวได้ดีบนเส้นใย ดังนั้นเส้นผมจึงเป็นที่ที่ๆ เหมาะสำหรับความหอมยาวนาน น้ำหอมยังจับกับผลิตภัณฑ์เส้นผม เช่นยาสระผมและครีมนวดผม ทำให้น้ำหอมติดทนขึ้น
- ฉีดน้ำหอมลงบนหวี ฉีดน้ำหอมใส่มือหรือผ้าและเช็ดลงบนหวี จากนั้นจึงหวีผมให้ทั่วศีรษะ อย่าหวีแค่จุดใดจุดหนึ่ง ^{[22]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- อย่าพรมน้ำหอมบนศีรษะมากเกินไป เพราะแอลกอฮอล์ในน้ำหอมจะทำให้ผมแห้ง
เส้นเลือดอยู่ใกล้ผิวหนังมากในจุดชีพจรบริเวณนี้ แตะน้ำหอมด้วยปลายนิ้วแล้วจึงแตะบริเวณหลังหู การพรมน้ำหอมที่หลังหูจะให้ผลทันที และดีมากสำหรับน้ำหอมกลางคืน^{[23]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
คอและไหปลาร้ามีบริเวณลาดเอียงเยอะเนื่องจากโครงสร้างกระดูก บริเวณนี้จึงมีพื้นที่ให้น้ำหอมติดได้ดี และมีปฏิกิริยากับผิวหนัง อาจแตะน้ำหอมด้วยนิ้วหรือจะฉีดให้ห่างจากตัว 5-7 นิ้วก็ได้^{[24]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
แผ่นหลังไม่ใช่ที่ปกติที่จะฉีดน้ำหอม แต่เนื่องจากแผ่นหลังมีเสื้อผ้าปกคลุมตลอด จึงทำให้น้ำหอมติดได้นาน และไม่ส่งกลิ่นฉุนเกินไปเมื่อออกนอกบ้าน เอื้อมมือไปด้านหลังและฉีดน้ำหอมเล็กน้อยบริเวณกระดูกสันหลัง อาจให้เพื่อนช่วยหากคุณเอื้อมไม่ถึง^{[25]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
เนื่องจากหัวเข่ามีการเคลื่อนไหวตลอดทั้งวัน จึงมีความร้อนเกิดขึ้น ซึ่งมีส่วนช่วยให้น้ำหอมออกฤทธิ์ดี และทำให้กลิ่นลอยขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป อาจแตะน้ำหอมด้วยนิ้วและทาที่หัวเข่า หรือจะฉีดให้ห่างจากตัว 5-7 นิ้วก็ได้^{[26]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
เหมือนกับหัวเข่า ข้อศอกก็เป็นจุดชีพจรที่มีการเคลื่อนไหวตลอดทั้งวัน จึงมีความร้อนเกิดขึ้น แตะน้ำหอมด้วยนิ้วและทาที่ข้อศอก หรือจะฉีดให้ห่างจากตัว 5-7 นิ้วก็ได้^{[27]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
อาจฟังดูแปลกหากจะฉีดน้ำหอมที่นี่ แต่บริเวณนี้เป็นที่ให้น้ำหอมได้เกาะติดอยู่ และมีปฏิกิริยากับจุดชีพจร ทั้งยังมีเสื้อผ้าปกคลุมจึงไม่ส่งกลิ่นฉุนเกินไป แตะน้ำหอมบนปลายนิ้ว ใช้นิ้ววนไปมารอบสะดือและในสะดือ ^{[28]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
โฆษณา

ส่วน 4

ส่วน 4 ของ 4:

ใช้น้ำหอมให้เกิดประโยชน์

ดาวน์โหลดบทความ

ผิวหนังมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันต่อน้ำหอมแต่ละชนิด สังเกตดูว่าเมื่อผ่านไปหลายชั่วโมง คุณยังได้กลิ่นน้ำหอมหรือไม่ ตรวจสอบดูว่าผิวหนังแพ้น้ำหอมบางชนิดหรือไม่^{[29]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
แม้แต่น้ำหอมที่ดีที่สุดก็ไม่อยู่ทน ลองถามเพื่อนหรือคนในครอบครัวว่าคุณควรฉีดน้ำหอมเพิ่มไหม บางครั้งคุณอาจเคยชินกับน้ำหอมตัวเองไปแล้ว แต่กลิ่นอาจยังฉุนอยู่ก็ได้ ^{[30]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
หากคุณคิดว่าน้ำหอมฉุนเกินไป ให้ใช้ทิชชู่ที่มีแอลกอฮอล์ (ทิชชู่เปียก) และเจลล้างมือเช็ดบริเวณนั้นออก ปล่อยให้แห้งและพรมน้ำหอมใหม่ ระวังให้คราวนี้อย่าฉีดหรือพรมน้ำหอมมากเกินไป^{[31]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
เนื่องจากความร้อนและแสงแดดเปลี่ยนสารเคมีในน้ำหอมได้ กลิ่นน้ำหอมอาจเปลี่ยนไป ซึ่งไม่ดีต่อเดทยามค่ำคืนของคุณเท่าไหร่ ควรเก็บน้ำหอมในตู้เย็นดีที่สุด^{[32]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
น้ำหอมมีวันหมดอายุเหมือนผลิตภัณฑ์อื่นๆ หากพบว่ามีกลิ่นฉุนมากเมื่อเปิดขวด อาจเป็นสัญญาณบอกว่าน้ำหอมเก่าเกินไปแล้ว^{[33]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
โฆษณา

เคล็ดลับ

อย่าทิ้งขวดน้ำหอมไว้กลางแดด เพราะจะทำให้กลิ่นจางเร็วขึ้น
หากพบว่าน้ำหอมอาจไม่เหมาะกับคุณ แต่คุณยังอยากมีกลิ่นตัวหอม ให้ลองครีมอาบน้ำมีกลิ่นและโลชั่นที่เข้ากัน
ลองกลิ่นๆ ใหม่เป็นบางครั้ง น้ำหอมกลิ่นเดิมอาจเก่าไป และคุณอาจเริ่มไม่ได้กลิ่นมันเมื่อเวลาผ่านไป
เปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมในโอกาสพิเศษ เช่น วันวาเลนไทน์หรือคริสต์มาส
หากไม่ชอบน้ำหอมให้ลอง Body mist (สเปรย์น้ำหอม)
ลองใช้โคโลญผู้ชาย แม้อาจมีข้อกังขา แต่มีโคโลญผู้ชายหลายกลิ่นที่เหมาะกับผู้หญิงเช่นกัน
อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นเหงื่อที่กลิ่นต่างไป เพราะตัวคุณอาจเหม็นฉุนเกิน
เก็บน้ำหอมไว้ในตู้เย็น จะเก็บได้นานกว่าเดิม 2-3 อาทิตย์

โฆษณา

คำเตือน

อย่าฉีดน้ำหอมกลิ่นฉุนเกินจนทำให้คนรอบข้างอึดอัด
สิ่งสำคัญคือไม่ควรฉีดเยอะจนเหมือนราดน้ำหอมบนตัว ควรฉีด 2-3 จุดก็เพียงพอแล้ว
อย่าฉีดน้ำหอมเมื่อสวมเสื้อผ้า เพราะจะทำให้เกิดรอยบนเสื้อ และน้ำหอมจะติดบนเสื้อ ไม่ใช่บนตัวคุณ
ทุกคนมี “พื้นที่ส่งกลิ่นหอม” ของตัวเอง ซึ่งกว้างประมาณความยาวแขนเมื่อยืดจากลำตัว คนอื่นไม่ควรได้กลิ่นน้ำหอมของคุณ เว้นแต่เขาเดินเข้ามาใน “พื้นที่วงล้อม” ของคุณ น้ำหอมควรเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนและเป็นตัวส่วนตัวที่สุดที่คุณต้องการสื่อสารแก่คนที่มีปฏิสัมพันธ์ด้วย
อย่าถูข้อมือเข้าด้วยกัน (หรือถูเพื่อกระจายน้ำหอมไปอีกข้อมือหนึ่ง) การถูข้อมือไม่ทำให้โมเลกุลแตกตัวหรือทำให้น้ำหอมหายไป แต่มันจะทำให้เกิดความร้อน ซึ่งทำให้กลิ่นพื้นฐานต่างๆของน้ำหอมเปลี่ยนไป เนื่องจากการระเหยที่เร็วขึ้น
น้ำหอมแบบน้ำส่วนใหญ่ทำมาจากปิโตรเลียมและน้ำมัน น้ำหอมที่แท้จริงจะไม่มีส่วนผสมของสิ่งเหล่านี้

โฆษณา