วิธีการ ขจัดกลิ่นสกั้งค์ออกจากบ้าน

กลิ่นสกั้งค์อาจจะเข้าสู่บ้านของคุณได้จากหลายทาง ตัวอย่างเช่น คุณหรือสัตว์เลี้ยงโดนสกั้งค์ปล่อยกลิ่นใส่ หรือสกั้งค์ปล่อยกลิ่นใส่ส่วนใดส่วนหนึ่งที่นอกบ้านของคุณ กลิ่นสกั้งค์จางๆ สามารถขจัดออกได้ โดยการระบายอากาศภายในบ้าน แต่กลิ่นสกั้งค์รุนแรงที่ฝังอยู่ในขนสัตว์ เสื้อผ้า หรือพรม อาจจะอยู่ได้นานสองถึงสามเดือนหรืออาจนานเป็นปีได้หากไม่รีบขจัดกลิ่นออก หากคุณจำเป็นต้องขจัดกลิ่นสกั้งค์ออกจากบ้าน คุณก็สามารถลองทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้ได้

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 4:

ใช้น้ำส้มสายชู

ดาวน์โหลดบทความ

1
ผสมน้ำส้มสายชูขจัดกลิ่น. ผสมน้ำส้มสายชูหนึ่งส่วนกับน้ำอุ่นห้าส่วนในถังใบใหญ่
- ปริมาณที่คุณต้องใช้ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะต้องทำความสะอาดมากขนาดไหน น้ำส้มสายชูเจือจางนี้ใช้ได้กับเสื้อผ้า ผ้าห่ม ผ้าขนหนู และผ้าชนิดอื่นๆ ที่สามารถซักได้ในเครื่องซักผ้า
- น้ำส้มสายชูที่เป็นกรดไม่เหมาะจะใช้กับผ้าใยสังเคราะห์และใยผ้าที่บอบบาง
2
จุ่มผ้าที่มีกลิ่นลงในถัง. จุ่มเสื้อผ้าและผ้าที่มีกลิ่นลงในน้ำส้มสายชูเจือจาง จุ่มทิ้งไว้สองถึงสามชั่วโมง
- สำหรับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ให้คุณใช้มือถูผ้านานสองถึงสามนาทีหลังจากจุ่มลงในถังแล้ว วิธีนี้จะช่วยให้น้ำส้มสายชูซึมลึกเข้าถึงใยผ้า และขจัดกลิ่นได้มากขึ้น
- วิธีนี้จะมีประสิทธิภาพสูงสุดหากใช้ภายในเวลาหนึ่งหรือสองชั่วโมงหลังจากที่ผ้าติดกลิ่นแล้ว
3
ซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า. หลังจากเอาผ้าขึ้นจากน้ำส้มสายชูเจือจางแล้ว ให้ใช้เครื่องซักผ้าซักด้วยน้ำอุ่น
- สำหรับการเพิ่มพลังขจัดกลิ่น ให้ใส่เบคกิ้งโซดา 1/2 ถ้วยตวง (125 มิลลิลิตร) ในเครื่องซักผ้าในช่วงเริ่มซัก
- ถ้าเป็นไปได้ให้คุณตากผ้าด้วยแดดและลมแทนการอบด้วยเครื่องอบแห้ง
4
วางชามใส่น้ำส้มสายชูรอบๆ บ้าน. หากคุณไม่รู้ตำแหน่งที่มาของกลิ่น ให้เทน้ำส้มสายชูกลั่นขาวลงในชามใบเล็ก และวางมันรอบๆ บ้าน
- ให้เน้นห้องที่มีกลิ่นแรงที่สุดในบ้าน เพราะที่มาของกลิ่นอาจจะมาจากในห้องนี้
- หากคุณมีสัตว์เลี้ยงหรือเด็กเล็ก คุณก็ควรวางน้ำส้มสายชูไว้บนชั้นวางของสูงๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครเผลอกินเข้าไป
- น้ำส้มสายชูจะดูดซับกลิ่นได้มากหลังผ่านไป 24 ชั่วโมง และโดยส่วนใหญ่แล้ว กลิ่นของน้ำส้มสายชูก็ไม่ควรจะแรงจนกลายเป็นปัญหาแทน
โฆษณา

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 4:

ระบายอากาศ

ดาวน์โหลดบทความ

1
เปิดหน้าต่าง.^{[1]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} ปล่อยให้แสงแดดและอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติเข้ามาในตัวบ้านเพื่อช่วยขจัดกลิ่นสกั้งค์
- การปิดบ้านจะเป็นการขังให้กลิ่นอบอวลอยู่ข้างใน การเปิดหน้าต่างจะเป็นการระบายกลิ่นบางส่วนออกไปและนำอากาศบริสุทธิ์เข้ามาแทนที่
- แสงแดดจะช่วยขจัดกลิ่นติดผ้า รังสีอัลตราไวโอเลตสามารถช่วยขจัดกลิ่นออกจากเนื้อผ้าได้
- หากคุณต้องขจัดกลิ่นสกั้งค์ออกจากเสื้อผ้า ผ้าขนหนู ผ้าห่ม หรือผ้าอื่นๆ ที่ถอดซักได้ ให้ซักผ้าและตากไว้นอกบ้าน แสงแดดและอากาศบริสุทธิ์จะช่วยขจัดกลิ่นสกั้งค์ได้ดีกว่าเครื่องอบแห้ง
2
เปิดพัดลม. เปิดพัดลมเพดานและพัดลมตั้งเมื่อให้อากาศถ่ายเท
- หากคุณไม่ทำให้อากาศถ่ายเท กลิ่นสกั้งค์ก็จะยิ่งติดลึกเข้าสู่ใยผ้า การเปิดพัดลมทั้งหมดในบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้จะช่วยถ่ายเทอากาศ และป้องกันไม่ให้กลิ่นเหม็นติดลึกเกินไป
- วิธีนี้จะใช้ได้ผลมากขึ้นถ้าเปิดหน้าต่างร่วมด้วย
3
เปลี่ยนแผ่นกรองอากาศ.^{[2]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} เปลี่ยนแผ่นกรองอากาศในเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความร้อนก่อนและหลังจากที่คุณขจัดกลิ่นสกั้งค์ในบ้านแล้ว
- กลิ่นสกั้งค์อาจติดกับแผ่นกรองอากาศได้ และอาจทำให้คุณต้องทนดมกลิ่นเหม็นผ่านเครื่องปรับอากาศนานเป็นเดือน ดังนั้นคุณควรเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศเสีย
- การเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศก่อนจะขจัดกลิ่นภายในบ้าน จะช่วยลดกลิ่นที่ออกมาจากเครื่องปรับอากาศและลดปัญหากลิ่นเหม็นกลับมาใหม่
- ดมกลิ่นตรวจแผ่นกรองอากาศหลังทำความสะอาดบ้านแล้ว ดมแผ่นกรองอากาศ หากไม่มีกลิ่นสกั้งค์เหลืออยู่ คุณก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมันอีกรอบ แต่ถ้ายังมีกลิ่นเหม็นอยู่ คุณก็ควรเปลี่ยนมันอีกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้มันปล่อยกลิ่นจนทำให้บ้านเหม็นอีก
4
ทำความสะอาดพรมและซักผ้า. ซักเสื้อผ้า ผ้าขนหนู ผ้าห่ม และผ้าที่ถอดซักได้ในเครื่องซักผ้าด้วยน้ำอุ่นและผงซักฟอกให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ทำความสะอาดพรมและผ้าซักยากอื่นๆ เช่นเครื่องเรือนบุผ้าและม่าน ด้วยเครื่องดูดแบบเปียก
- เครื่องทำความสะอาดระบบไอน้ำใช้ได้ผลดีกว่าเครื่องดูดแบบเปียกธรรมดา เพราะความร้อนจะช่วยเปิดรอยตะเข็บตามเนื้อผ้า ซึ่งจะทำให้น้ำยาสามารถซึมลึกและขจัดกลิ่นได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การใช้เครื่องดูดแบบเปียกก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย
- โดยทั่วไปแล้ว คุณควรซักเสื้อผ้าและผ้าชนิดอื่นๆ ในเวลาหนึ่งหรือสองชั่วโมงหลังจากมีกลิ่นติด เพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นติดลึกเกินไป
5
ฉีดสเปรย์ปรับอากาศ. สเปรย์ปรับอากาศสามารถช่วยขจัดกลิ่นสกั้งค์ได้
- เลือกซื้อสเปรย์ที่มีความสามารถในการขจัดกลิ่น สเปรย์ปรับอากาศส่วนใหญ่จะทำได้แค่ฉีดน้ำหอมกลิ่นแรงเพื่อกลบกลิ่นเหม็นเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอที่จะขจัดกลิ่นสกั้งค์ได้ มีเพียงสเปรย์ปรับอากาศแบบขจัดกลิ่นเท่านั้นที่จะช่วยขจัดกลิ่นเหม็นได้
- นอกจากนี้ยังมีสเปรย์ขจัดกลิ่นสกั้งค์อีกด้วย มันเป็นสเปรย์ที่ผลิตขึ้นเพื่อขจัดกลิ่นเหม็นจากสกั้งค์โดยเฉพาะ คนที่ใช้สเปรย์ชนิดนี้มักจะรายงานผลของการใช้สเปรย์ ซึ่งคุณสามารถอ่านคำวิจารณ์เหล่านี้ได้ตามอินเตอร์เน็ต เพื่อที่จะได้ตัดสินใจได้ว่าคุณควรจะใช้สเปรย์ตัวไหน
โฆษณา

วิธีการ 3

วิธีการ 3 ของ 4:

ใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (เปิดขวดใหม่) และเบคกิ้งโซดา

ดาวน์โหลดบทความ

1
ผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 1 ลิตร กับเบคกิ้งโซดา 1/4 ถ้วยตวง (60 มิลลิลิตร) และน้ำยาล้างจานหรือน้ำยาซักผ้า 1 ช้อนชา (5 มิลลิลิตร) ^{[3]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} ผสมลงในภาชนะที่ไม่ปิดฝา
- ถ้าเป็นไปได้ให้ใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์แค่ 3 เปอร์เซ็นต์
- สำหรับกลิ่นสกั้งค์ติดแน่น คุณอาจจะต้องใช้เบคกิ้งโซดาเพิ่มเป็น 1/2 ถ้วยตวง (125 มิลลิลิตร) และน้ำยาซักผ้าหรือน้ำยาล้างจาน 1 ช้อนโต๊ะ (15 มิลลิลิตร)
- อย่าปิดฝาภาชนะหลังผสมเสร็จแล้ว แก๊สที่ออกมาจะรวมตัวกันและสร้างแรงดันได้มากพอที่จะทำลายภาชนะได้
- อย่าเก็บส่วนผสมนี้ไว้ ให้ใช้มันทันทีที่ผสมเสร็จ
2
ถูตัวคุณหรือสุนัขด้วยส่วนผสมนี้. จุ่มผ้าสะอาดลงในส่วนผสมและทำความสะอาดขนและผิวหนัง
- ส่วนผสมนี้ปลอดภัยกับสุนัขและมนุษย์ แต่ระวังอย่าให้เข้าตา หู หรือปาก แม้ว่ามันจะปลอดภัยต่อผิว แต่มันอาจเป็นอันตรายต่อดวงตาและผิวส่วนอื่นๆ ที่บอบบางได้
- เช็ดให้เปียกและถูไปตามตัวสุนัขหรือตัวคุณ ทิ้งไว้ห้านาที ก่อนจะล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำซ้ำอีกครั้งหากจำเป็นจนกว่าจะไม่มีกลิ่นสกั้งค์เหลืออยู่
- คุณอาจจะต้องใช้ส่วนผสมที่มากขึ้นกับสุนัขหรือคนตัวใหญ่
- วิธีนี้ใช้ได้ผลดีหากทำในเวลาหนึ่งหรือสองชั่วโมงหลังจากโดนกลิ่น
3
ผสมไฮโดรเจนหนึ่งส่วนกับน้ำอุ่นหกส่วน. ส่วนผสมนี้สามารถใช้กับเสื้อผ้าและผ้าชนิดอื่นได้อย่างปลอดภัย แต่ปริมาณของส่วนผสมที่ใช้จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการขจัดกลิ่นมากแค่ไหน
- เนื่องจากไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เข้มข้นอาจทำให้เสื้อผ้าเสียหายได้ จึงควรใช้กับสัตว์เลี้ยงหรือคนเท่านั้น แต่การเจือจางด้วยน้ำเปล่า จะช่วยให้คุณสามารถใช้กับผ้าทั่วไปได้ปลอดภัย
- อย่าใช้ส่วนผสมนี้กับใยผ้าที่บอบบางหรือผ้าที่ต้อง "ซักแห้งเท่านั้น"
4
จุ่มผ้าลงในส่วนผสม. จุ่มผ้าที่ติดกลิ่นลงในไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เจือจาง และทิ้งไว้หนึ่งหรือสองชั่วโมง
- หลังจากเอาผ้าขึ้นจากส่วนผสมแล้ว ให้ใส่มันในเครื่องซักผ้าและซักด้วยกระบวนการซักตามปกติ
5
คุณอาจจะใส่เบคกิ้งโซดาในเครื่องซักผ้าด้วยก็ได้. หากคุณไม่แน่ใจที่จะจุ่มผ้าลงในไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ให้ใส่เบคกิ้งโซดา 1/2 ถ้วยตวง (125 มิลลิลิตร) ในเครื่องซักผ้าในช่วงเริ่มกระบวนการซักแทน
- คุณอาจจะใช้เบคกิ้งโซดาในปริมาณเดียวกันกับผ้าที่จุ่มไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์มาแล้วด้วยก็ได้ เพื่อเป็นการเพิ่มพลังขจัดกลิ่นให้สูงสุด
โฆษณา

วิธีการ 4

วิธีการ 4 ของ 4:

ใช้สารฟอกขาว

ดาวน์โหลดบทความ

1
เจือจางสารฟอกขาวในน้ำ.^{[4]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} ผสมสารฟอกขาว 1 ถ้วยตวง (250 มิลลิลิตร) กับน้ำอุ่น 4 ลิตร ในภาชนะที่ไม่ปิดฝา
- อย่านำสารเคมีหรือน้ำยาทำความสะอาดอื่นมาผสมร่วมด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีกับสารฟอกขาวจนเกิดแก็สพิษได้
- คุณควรเปิดหน้าต่างและประตูให้อากาศในห้องถ่ายเทสะดวก อย่าใช้สารฟอกขาวในห้องปิด
2
ขัดพื้นผิวที่แข็งด้วยสารฟอกขาวเจือจาง. จุ่มแปรงขัดลงในส่วนผสมและใช้มันทำความสะอาดพื้นครัว เคาน์เตอร์ ยางรถยนต์ โต๊ะ หรือเครื่องเรือนอื่นๆ ที่มีพื้นผิวแข็ง
- อย่าใช้วิธีนี้กับพรม เครื่องเรือนบุผ้า หรือผ้า เพราะสารฟอกขาวจะทำให้ผ้าด่างได้
- อย่าใช้วิธีนี้กับเสื้อผ้า คุณสามารถใช้สารฟอกขาวกับผ้าขาวได้ตามวิธีใช้บนฉลาก แต่ไม่ควรใช้กับผ้าสี
- หากคุณไม่มีแปรงขัด คุณอาจจะใช้ผ้าขี้ริ้วสะอาดหรือสก๊อตช์ไบร์ทได้
- คุณควรสวมถุงมือยางเพื่อปกป้องมือไม่ให้สัมผัสกับสารฟอกขาวโดยตรง
3
ล้างน้ำสะอาดและอาจทำซ้ำหากจำเป็น. ล้างสารฟอกขาวออกด้วยน้ำอุ่น ทำความสะอาดซ้ำอีกครั้งหากยังมีกลิ่นเหลืออยู่
- สำหรับพื้นผิวที่ล้างน้ำไม่ได้ ให้ใช้ไม้ถูพื้นหรือผ้าขี้ริ้วชุบน้ำเช็ดเอาสารฟอกขาวออกแทน
- เช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด
โฆษณา

เคล็ดลับ

หากทุกขั้นตอนใช้ไม่ได้ผล ให้ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญแทน นำเสื้อผ้า ผ้าห่ม และผ้าอื่นๆ ที่ถอดได้ไปให้ผู้เชี่ยวชาญที่รับซักแห้ง และบอกให้เขาขจัดกลิ่นสกั้งค์ออกให้ หากกลิ่นติดอยู่ที่พรม ก็ให้จ้างผู้เชี่ยวชาญใช้เครื่องทำความสะอาดพรมระบบไอน้ำช่วยขจัดกลิ่น เช่นเดียวกัน หากสัตว์เลี้ยงของคุณมีกลิ่นเหม็นจากสกั้งค์ ก็ให้พาไปหาช่างตัดขนและอาบน้ำสัตว์เลี้ยง
คุณอาจจะให้สัตว์เลี้ยงหรือคนที่มีกลิ่นเหม็นจากสกั้งค์อาบน้ำมะเขือเทศ แต่กลิ่นของมะเขือเทศจะแค่กลบกลิ่นสกั้งค์เท่านั้น มันไม่ได้ช่วยขจัดกลิ่นให้หมดไป^{[5]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}

โฆษณา