วิธีการ กำจัด Adware ด้วยตัวเอง

ถ้าอยู่ๆ ก็มี pop-up โฆษณาเด้งขึ้นมาในคอมเต็มไปหมด หรือท่องเว็บด้วยเบราว์เซอร์แล้วไปผิดเว็บตลอด แสดงว่าคอมคุณติด adware เข้าให้แล้วล่ะ ทั้ง Windows และ Mac ต่างก็เสี่ยงติด malware หรือ adware ด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งจะเจาะเข้าเบราว์เซอร์คุณ แล้วแสดงแต่โฆษณาขยะขึ้นมาเกลื่อนหน้าจอ ถ้าในคอมไม่มีโปรแกรมป้องกันแล้วเกิดติด adware ขึ้นมา ก็ระวังจะเสียข้อมูลต่างๆ ในระบบไป โชคดีที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยระบบนั้นมีมากพอๆ กับผู้ไม่ประสงค์ดี เพราะงั้นเลยมีหลายวิธีใช้ลบ adware ได้เอง ในกรณีที่ “พลาด” ขึ้นมา

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 2:

ลบ Adware ใน Windows

ดาวน์โหลดบทความ

1
บูทเครื่องเข้า Safe Mode ด้วย Networking Support. ก่อนอื่นให้ถอด removable media (เช่น แผ่น CD หรือแฟลชไดรฟ์) ออกให้หมด แล้วรีสตาร์ทคอมเข้า Safe Mode
- Windows 8 และ 10:
  - กด ⊞ Win+X แล้วเลือก “Shut down or Sign Out” จากนั้นเลือก “Restart”
  - พอคอมบูทเข้าหน้าล็อกอิน ให้กดปุ่ม ⇧ Shift ค้างไว้ แล้วคลิกไอคอน power คอมจะรีสตาร์ทอีกรอบ
  - พอคอมติดกลับมา ให้คลิก “Troubleshoot” คลิก “Advanced Options” คลิก “Startup Settings” แล้วคลิก “Restart”
  - ที่หน้า boot options หรือตัวเลือกอุปกรณ์ที่ใช้ boot ที่โผล่มา ให้กดปุ่มข้าง “Safe Mode with Networking” (ปกติจะเป็น F5 หรือ 5 แล้วแต่คอมที่ใช้)
- Windows 7 หรือเก่ากว่า: ให้คลิกเมนู Start แล้วคลิกลูกศรข้าง “Shut Down” เลือก Restart พอคอมปิดแล้วเปิดกลับขึ้นมา ให้กด F8 เพื่อเปิด boot menu โดยใช้ปุ่มลูกศรเลื่อนไปที่ “Safe Mode With Networking” แล้วกด ↵ Enter
2
เปิดเบราว์เซอร์เพื่อเช็ค extensions หรือ add-on อันตราย.^{[1]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} ปกติ adware มักมาในรูปของ extensions หรือ add-on ในเบราว์เซอร์
- Chrome: คลิกเมนู Chrome (ไอคอนเส้นนอน 3 เส้นซ้อนกัน ที่มุมขวาบนของเบราว์เซอร์) แล้วเลือก “Settings” คลิก “Extensions” จากนั้นมองหา extensions ที่ไม่คุ้นเคย ถ้าเจออะไรผิดปกติไป ให้คลิกไอคอนถังขยะแถวๆ นั้น
- Internet Explorer: คลิก “Tools” แล้วคลิก “Manage add-ons” จากนั้นคลิก “All add-ons” เพื่อดูรายชื่อทุกอย่างที่ติดตั้งไว้ ให้เลือกอะไรที่ไม่คุ้นชื่อ แล้วคลิก “Disable” เสร็จแล้วคลิก “Close”
- Firefox: เช็ค Add-ons โดยคลิกเมนู Open (ไอคอนเส้นนอน 3 เส้นซ้อนกัน) ที่มุมขวาบนของหน้าจอ แล้วเลือก “Add-ons” จากนั้นคลิก “Extensions” แล้วมองหาอะไรที่ไม่คุ้นชื่อ เวลาจะปิดการทำงาน ก็ให้คลิก extension นั้นแล้วคลิก “Disable”
3
เช็คหน้าเริ่มต้นของเบราว์เซอร์, search engine และค่าตั้งต้นอื่นๆ. บางที adware ก็เจาะเข้าหน้า default และ search engine ในเบราว์เซอร์
- Chrome: คลิก “Settings” ในเมนู Chrome แล้วคลิก “Set Pages” (ใต้ “On Startup”) ถ้าไม่ใช่หน้าว่าง หรือหน้าที่คุณตั้งไว้ให้โผล่มาตอนเปิดเบราว์เซอร์ ก็ต้องเลือกเว็บที่ขึ้น จากนั้นกด X เพื่อลบทิ้ง
  - เช็คว่าปุ่มต่างๆ ของ Chrome ปกติดี ในเมนู Settings เดียวกัน ให้หาหัวข้อ Appearance เลือก “Show Home Button” คลิก “Change” แล้วเลือก “Use the New Tab Page” จากนั้นคลิก “Ok” เพื่อเซฟค่าใหม่
  - เช็ค settings ของ search engine ในเมนู Settings โดยคลิก “Manage Search Engines” ในหัวข้อ “Search” เลือก search engine ที่ใช้ แล้วเลือก “Make default” เช็คว่า URL ทางขวาของหน้าจอตรงกับชื่อ search engine หรือเปล่า! ถ้าเห็น Yahoo.com ทางซ้าย แต่ URL ทางขวาขึ้นต้นด้วยอย่างอื่นที่ไม่ใช่ search.yahoo.com ก็ต้องลบทิ้งด้วยเครื่องหมาย X ที่หน้าจอ
- Internet Explorer: คลิก “Tools” แล้วคลิก “Manage Add-ons” เลือก “Search Providers” จากในรายชื่อ แล้วเลือก search engine ดังที่ใช้อยู่ (เช่น Google, Bing และอื่นๆ) ถ้ามีอะไรไม่คุ้นตา ให้คลิกเลย จากนั้นคลิก “Remove”
  - กลับไปที่เมนู Tools เลือก “Internet Options” แล้วดูใน “Home Page” URL ที่ขึ้นในช่องจะเป็นหน้าเว็บหลักของเบราว์เซอร์ ถ้าไม่คุ้นซะเลย ให้ลบแล้วเลือก “Use new tab”
  - หาไอคอน Internet Explorer ที่หน้า desktop (หรือที่ไหนที่ปกติดับเบิลคลิกไอคอนเพื่อเปิดเบราว์เซอร์) คลิกขวาที่ไอคอนหนึ่งที แล้วเลือก “Properties” จากนั้นไปที่ tab “Shortcut” แล้วดูช่องที่เขียนว่า “Target” ถ้ามีข้อความอื่นต่อท้าย iexplore.exe ให้ลบซะ (แต่อย่าลบ iexplore.exe) จากนั้นคลิก “OK”
- Firefox: ในเมนู Open ให้เลือก “Options” แล้วเลือก “Restore to Default” จากนั้นคลิก OK เพื่อไปต่อ
  - ถ้าจะเช็ค Search Engine settings ให้คลิกเมนู Open แล้วเลือก “Options” ในแถบทางซ้ายให้คลิก “Search” แล้วตั้ง search engine หลักเป็นอะไรที่ดังๆ คนนิยมใช้กัน เช่น Google หรือ Bing ถ้ามีอะไรที่ไม่คุ้นชื่อโผล่มาใต้ “One-click search engines” ให้คลิกหนึ่งที แล้วคลิก “Remove”
4
เช็คว่าโปรแกรมไหนถูกตั้งให้เปิดอัตโนมัติบ้าง. กด ⊞ Win+S เพื่อเปิดช่องค้นหา แล้วพิมพ์ msconfig ในช่องว่าง เพื่อเปิดกรอบ System Configuration พอโผล่มาในผลการค้นหาแล้ว ให้คลิกไฟล์ ถ้ามีให้ยืนยัน ก็เลือก “Yes” หรือ “OK” ไปได้เลย
- คลิก tab Startup เพื่อดูรายชื่อโปรแกรมทั้งหมดที่ตั้งไว้ให้เปิดขึ้นมาพร้อมคอม (ใครใช้ Windows 8 หรือ 10 อาจจะไปโผล่ที่ Task Manager แต่ขั้นตอนที่เหลือก็เหมือนเดิม)
- เช็ครายชื่อหา adware ไม่คุ้นเคยที่โดดออกมา แนะนำให้เอาชื่อแปลกๆ ไม่คุ้นเคยไปเช็คในเน็ต โดยใช้คอมเครื่องที่ไม่ติด adware ทั้งอะไรที่ชื่อเหมือนจะปลอดภัยแต่ไม่เคยเห็นมาก่อน และอะไรที่ชื่อแปลกแบบชัดเจน ข้างชื่อโปรแกรมจะมีชื่อบริษัทผู้พัฒนาติดอยู่ ใช้เช็คได้ว่าโปรแกรม startup ไหนที่น่าเชื่อถือ ถ้าจะปิดโปรแกรมแปลกๆ ที่ไม่คุ้นเคย ให้เอาติ๊กออกจากช่องข้างหน้า (หรือถ้าใช้ Windows 8 และ 10 ก็คลิกโปรแกรม แล้วคลิก “Disable” ได้เลย)
ถ้าใช้ Windows 7 หรือเก่ากว่า ให้คลิก “Apply” แล้วคลิก “OK” ถ้าใช้ Windows 8 หรือใหม่กว่า ก็แค่คลิก X เพื่อปิดหน้าต่าง Task Manager ได้เลย
6
เช็คโปรแกรมที่ถอนการติดตั้งได้.^{[2]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} ถ้าใช้คอมแล้วยังมี pop-up หรือลิงค์โฆษณาอันตรายโผล่มาหลังรีสตาร์ท ให้ดูว่ามีโปรแกรมไหนที่ลบได้โดยถอนการติดตั้งตามปกติ จากนั้นเปิดแถบค้นหา พิมพ์ Programs แล้วคลิก “Programs and Features” ตอนที่ขึ้น
- ในรายชื่อโปรแกรมที่ติดตั้งไป ให้มองหาอะไรที่ไม่คุ้นเคย คุณจัดเรียงรายชื่อใหม่ตามวันที่ติดตั้งได้ โดยคลิกวันที่ด้านบนของรายชื่อ
- ถ้าจะถอนการติดตั้งโปรแกรมไหน ให้คลิกหนึ่งที แล้วคลิก “Uninstall” ถอนการติดตั้งโปรแกรมเสร็จก็รีสตาร์ทคอมได้เลย
7
ดาวน์โหลด MalwareFox Anti-Malware.^{[3]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} ถ้าหาไม่เจอ ลบ adware ด้วยขั้นตอนที่ผ่านๆ มาไม่ได้ ก็ต้องใช้ไม้ตายอย่าง MalwareFox ที่หลายคนใช้แล้วเห็นผล คุณดาวน์โหลดได้ที่เว็บของ MalwareFox เอง โดยคลิก “Free Download” เลือก “Download Free Version” เพื่อเริ่มดาวน์โหลด แล้วเซฟไฟล์ไว้ที่หน้า desktop ตอนที่ขึ้น
- ถ้าดาวน์โหลดโปรแกรมไหนไม่ได้เลย ให้ใช้คอมเครื่องอื่นดาวน์โหลด MalwareFox Anti-Malware แทน แล้วเซฟใส่แฟลชไดรฟ์หรือแผ่น CD/DVD จากนั้นเสียบไดรฟ์หรือใส่แผ่นในคอมที่ติด adware เสร็จแล้วกด ⊞ Win+E เพื่อเปิด File Explorer แล้วดับเบิลคลิกไดรฟ์หรือแผ่นทางซ้ายของหน้าจอ
8
เปิด Anti-Malware แล้วสแกนเครื่อง. ดับเบิลคลิกไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาเพื่อเปิดโปรแกรม จากนั้นคลิกปุ่ม “Scan” พอสแกนเจอ adware แล้ว สีของโปรแกรมจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ก็เลือกลบ adware โดยคลิก "Next" ได้เลย ถ้าลบ adware ไม่สำเร็จ (ปกติจะลบได้ แต่ก็มีบ้างที่เจอ adware ดื้อๆ แรงๆ) ให้จดชื่อ adware ไว้แล้วอ่านต่อ
เข้า Safe Mode หรือใช้คอมอีกเครื่อง เข้าไปอ่านรายชื่อ Malware จาก A - Z ของ Symantec^{[4]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} เป็นเว็บที่อัพเดทเรื่อยๆ จะมีลิงค์พร้อมขั้นตอนการลบแทบจะทุก adware ในโลกไซเบอร์ ให้เลือกตัวอักษรแรกของชื่อ adware เจ้าปัญหา แล้วเลื่อนลงไปจนเจอ จากนั้นคลิกชื่อ adware นั้นได้เลย
คำสั่งชุดแรกสำหรับคนที่ใช้โปรแกรมป้องกันของ Symantec เท่านั้น ถ้าไม่ได้ใช้ ให้เลื่อนไปขั้นตอนที่ 2 แล้วกำจัดตามคำสั่งที่ปรากฏ แต่ละ adware ก็จะแตกต่างกันไป แน่นอนว่าบางตัวก็ดื้อด้านเหลือเกิน ถ้าทำตามขั้นตอนกำจัด adware ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ก็รีสตาร์ทได้เลย
ถ้ามาถึงตอนนี้แล้วยังลบ adware เจ้าปัญหาไม่ได้ ก็ต้องใช้ System Restore ย้อนเวลา PC กลับไปวันที่คอมยังทำงานปกติดีอยู่ซะเลย
โฆษณา

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 2:

ลบ Adware ใน Mac

ดาวน์โหลดบทความ

1
บล็อกหน้าต่าง pop-up ในเบราว์เซอร์. เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้ทำตามขั้นตอนต่างๆ ในวิธีการนี้ได้อย่างราบรื่นที่สุด
- Safari: ในเมนู “Safari” ให้เลือก “Preferences” คลิก “Security” แล้วเลือก “Block pop-up windows” อย่าเลือก “Allow WebGL” กับ “Allow Plugins”
- Chrome: ในเมนู Chrome (ไอคอนเส้นนอน 3 เส้นซ้อนกัน) ให้คลิก “Settings” แล้วเลื่อนไปที่ด้านล่างสุดเพื่อคลิก “Show advanced settings” จากนั้นคลิก “Privacy” คลิก “Content Settings” แล้วเลือก “Do not allow any site to show pop-ups”
2
เช็ค settings ของเบราว์เซอร์หา search engine และ extensions ผิดปกติ.^{[5]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- Safari: ในเมนู Safari ให้เลือก “Preferences” แล้วเลือก “Extensions” ถ้ามีอะไรที่ไม่คุ้นเอาซะเลย ให้คลิก “Uninstall” จากนั้นคลิกไปที่ tab “General” แล้วเช็คว่า search engine หลักเป็นอันที่ดังๆ คนนิยม ถ้าไม่คุ้นซะเลย ก็ต้องเปลี่ยนเป็น search engine ที่คุณใช้ประจำ ปกติ Safari จะมี search engine หลักที่ตั้งมาในโปรแกรมแต่แรกอยู่แล้ว ถ้าไม่รู้จะเลือกอะไร Google นี่แหละปลอดภัยสุด
- Chrome: ในเมนู Chrome ให้เลือก “Settings” แล้วเลือก “Extensions” คลิกไอคอนถังขยะข้าง extensions ที่ไม่เคยเห็น แล้วคลิก “Settings” ในเมนูทางซ้าย จากนั้นเลื่อนลงไปที่ “Advanced Settings” แล้วตามลิงค์ไป
  - เลื่อนลงไปที่ “On Startup” แล้วเช็คว่าเลือก “Open the New Tab page” ไว้แล้ว
  - เลื่อนลงไปที่ “Search” แล้วคลิก “Manage Search Engines” เช็คว่าทุก search engine ที่ขึ้นในช่องด้านบน นั้นเป็นชื่อที่คุ้นเคย ต้องสังเกต URL ทางขวาให้ดีๆ เพราะโปรแกรม adware อาจจะปลอมเป็น Google ได้ ทั้งที่พาคุณไปยังเว็บอื่นแทน อันไหนน่าสงสัยให้ลบโดยคลิก X ข้างเว็บนั้น
^{[6]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} ขั้นตอนต่อๆ ไปต้องปิดเบราว์เซอร์ก่อน เพราะงั้นต้องเซฟเว็บลงคอม จากนั้นเข้าเว็บ https://support.apple.com/en-us/HT203987 ในเบราว์เซอร์ พอเว็บเปิดมาแล้ว ให้คลิก “File” คลิก “Print” แล้วคลิก “Save as PDF” เลือก Desktop เป็นตำแหน่งเซฟไฟล์ จะได้หาเจอง่ายทีหลัง
4
ใช้วิธี “Go to Folder” หา adware. เป็นขั้นตอนที่คุณต้องทำซ้ำอีกหลายครั้ง เพราะฉะนั้นต้องพยายามทำความคุ้นเคยซะก่อน
- เปิดไฟล์ PDF ที่เพิ่งสร้าง แล้วเลื่อนลงไปยังรายชื่อไฟล์ที่เริ่มต้นด้วย /System/Library/Frameworks/v.framework เลือกบรรทัดแรกในรายชื่อไฟล์ (ในตัวอย่าง) แล้วคลิก “Edit” จากนั้นคลิก “Copy”
- เปิด Finder แล้วคลิก “View” จากนั้นคลิก “As Columns” ตามด้วยคลิก “Go” แล้วคลิก “Go to Folder”
- คลิก “Edit” แล้วคลิก “Paste” เพื่อ paste ไฟล์ที่เลือกไว้ก่อนหน้านี้ลงในช่อง กด ⏎ Return เพื่อค้นหาไฟล์ ถ้าเจอไฟล์ ให้ลากไปใส่ในถังขยะ ถ้าไม่เจอ ให้ copy ไฟล์ถัดไปในรายชื่อที่ได้จาก PDF แล้วทำตามเดิม
- ทำขั้นตอน “Go to Method” ซ้ำกับแต่ละไฟล์ในรายชื่อ เสร็จแล้วให้ลบไฟล์ในถังขยะ โดยคลิก “Finder” แล้วคลิก “Empty Trash” สุดท้ายรีสตาร์ทคอม
5
ดูว่ามี Adware ที่คุณรู้จักยังทำงานอยู่หรือเปล่า. ถ้าเปิดคอมกลับมาแล้วยังเจอ adware ให้เปิด Finder คลิก “Applications” แล้วเลือก “Utilities” คลิก “Activity Monitor” ใน tab CPU ให้คลิก “Process Name” เพื่อเรียงคอลัมน์ตามลำดับอักษร แล้วมองหา processes ชื่อ “InstallMac” หรือ “Genieo”
- ถ้าเจอโปรแกรมไหนเปิดอยู่ใน Activity Monitor ให้ทำขั้นตอน “Go to Folder” ซ้ำด้วยข้อความ /private/etc/launchd.conf เสร็จแล้วก็รีสตาร์ทอีกที
- กลับไปที่ Apple PDF แล้วเลื่อนลงไปที่ “Remove Genieo, InstallMac” แล้วทำขั้นตอนเดิมซ้ำกับแต่ละไฟล์ใต้ “Restart your Mac” พอครบทุกไฟล์ และลากไฟล์ที่จำเป็นไปใส่ถังขยะแล้ว ก็รีสตาร์ทได้เลย
- ใช้ “Go to Folder” หลังคอมเปิดกลับมา คราวนี้เป็นคิวของไฟล์ /Library/Frameworks/GenieoExtra.framework เสร็จแล้ว Empty Trash (ใน Finder)
เท่านี้คอมก็น่าจะไม่หลงเหลือ adware แล้ว แต่ถ้าเปิดคอมกลับมาแล้วยังเจอ adware ก็ต้องติดตั้ง Adware removal tool
7
ดาวน์โหลดและติดตั้ง Malwarebytes Anti-Malware สำหรับ Mac.^{[7]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} Malwarebytes เป็นโปรแกรมที่ขาดไม่ได้ถ้าจะลบ adware เองในคอม คลิก “Download” แล้วให้เลือกตำแหน่งเซฟไฟล์ พอดาวน์โหลดเสร็จก็ดับเบิลคลิกไฟล์เพื่อเปิดได้เลย
- ถ้า adware ทำให้ดาวน์โหลด Anti-Malware for Mac ไม่ได้ ให้ใช้คอมเครื่องอื่นดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งแทน แล้วเซฟลงแฟลชไดรฟ์หรือแผ่น CD/DVD
- ครั้งแรกที่ใช้ Anti-Malware for Mac จะมีให้ยืนยันว่าคุณจะเปิดใช้งาน ก็คลิก “Open” ไป ถ้าข้อความที่ขึ้นต่างไปจากนี้ เกี่ยวกับ security preferences ให้คลิกเมนู Apple แล้วเลือก “System Preferences” จากนั้นเลือก “Security and Privacy” ใน tab General ให้คลิก “Open Anyway” เพื่อเปิดโปรแกรม
- ครั้งแรกที่ใช้ Anti-Malware จะมีให้ใส่ username กับรหัสผ่านบัญชีแอดมิน ให้พิมพ์แล้วคลิก “Install Helper”
ถ้าเจอ Adware ก็จะโผล่มาในรายชื่อหลังสแกนคอมเสร็จ ให้คลิกชื่อ Adware แล้วเลือก “Remove selected items” เพื่อลบ พอรีสตาร์ทคอมเสร็จ adware ในคอมก็จะหายเกลี้ยง
โฆษณา

เคล็ดลับ

ห้ามดาวน์โหลดโปรแกรมจากเว็บที่ไม่รู้จัก
อัพเดทโปรแกรม anti-virus/anti-malware เรื่อยๆ
ปกป้องคอมจาก malware ทุกรูปแบบ โดยใช้โปรแกรม anti-virus
เซฟ Malwarebytes Anti-Malware ไว้ในแฟลชไดรฟ์หรือแผ่น CD/DVD เผื่อต้องใช้ขึ้นมา

โฆษณา

คำเตือน

ถ้าวิธีการต่างๆ ที่ว่ามาไม่ได้ผลเลย คงต้องยกคอมไปให้ช่างที่เขาเชี่ยวชาญดูให้
เรามัก “ติด” adware ตอนข้อความ pop-up โผล่มาในหน้าจอ แกล้งเตือนประมาณว่า “ระวัง! คอมเครื่องนี้มีไวรัส!” แล้วเผลอไปคลิกเข้า เพราะบอกเลยว่าไม่มีโปรแกรม anti-malware ดีๆ ที่ไหน ที่จะขึ้นเตือนในเบราว์เซอร์ด้วยข้อความแบบนั้น ถ้าเตือนจริงจะขึ้นเป็นหน้าต่างแยก พร้อมชื่อโปรแกรม anti-malware ที่ด้านบน หรือมี pop-up แจ้งเตือนใน taskbar ของ Windows

โฆษณา