ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความX
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Stan Kats. สแตน แคทส์ เป็นนักเทคโนโลยีมืออาชีพ และเป็น COO และหัวหน้านักเทคโนโลยีของ STG IT Consulting Group ในเวสต์ฮอลลีวูด แคลิฟอร์เนีย สแตนมีการแก้ปัญหาทางเทคโนโลยีแบบครบวงจรให้แก่ธุรกิจต่างๆ ผ่านบริการด้านไอทีที่มีการจัดการ และสำหรับบุคคลผ่านธุรกิจบริการผู้บริโภคชื่อ Stan's Tech Garage สแตนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีศิลปศาสตรบัณฑิตสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย เขาเริ่มต้นอาชีพโดยทำงานที่ Fortune 500 IT world สแตนก่อตั้งบริษัทเพื่อเสนอความชำนาญระดับองค์กรให้แก่ธุรกิจขนาดเล็กและบุคคลต่างๆ
บทความนี้ถูกเข้าชม 42,009 ครั้ง
บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการ calibrate หน้าจอคอมให้แน่ใจว่า settings ของสีและแสงในหน้าจอนั้นจะถูกต้อง การ calibrate หรือปรับเทียบหน้าจอนั้นถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้คอมสร้างสรรค์หรือตัดต่องานกราฟิกต่างๆ เพราะถ้า calibrate พลาด หรือใช้งานโดยไม่ calibrate งานที่ได้อาจสีซีดหรือสีเพี้ยนได้เวลาเอาไปเปิดในหน้าจอของคอมเครื่องอื่น
ขั้นตอน
เมื่อไหร่ที่ควร calibrate หน้าจอ. ปกติคุณต้อง calibrate หน้าจอ high-resolution ที่เอาไว้เสียบกับคอม (เช่น หน้าจอ 4K) ก่อนใช้งาน ถึงจะแสดงภาพและสีสันได้ถูกต้อง ถ้าไม่ calibrate หน้าจอประเภทนี้ จะทำให้ภาพแตก เบลอ สีซีด สีเพี้ยนได้- ถ้าหน้าจอคุณภาพหรือความชัดต่ำหน่อย (เช่น 720p) โดยเฉพาะที่ใช้เล่นเกมหรืออื่นๆ เพื่อความบันเทิง จะไม่ calibrate ก็ได้ แต่ถ้า calibrate ได้ก็ดี
- หน้าจอที่ติดมากับคอม เช่น หน้าจอแล็ปท็อป ปกติแทบไม่ต้อง calibrate แต่ถ้าอยาก calibrate หน้าจอประเภทนี้ ก็ทำได้ด้วยขั้นตอนเดียวกันกับหน้าจอปกติ
ทำความสะอาดหน้าจอซะก่อน. ถ้าหน้าจอสกปรก เลอะเป็นคราบ ให้เช็ดทำความสะอาดซะก่อน calibrate
จัดวางหน้าจอในที่ที่แสงสว่างเพียงพอ. หน้าจอต้องไม่มีแสงสะท้อนหรือเอาแสงสาดใส่หน้าจอโดยตรง จะดีที่สุดถ้าปรับหน้าจอคอมในห้องที่สว่าง แต่ไม่โดนแดดหรือแสงจากโคมไฟตรงๆ
เสียบหน้าจอโดยใช้สายคุณภาพดี. ถ้าเป็นไปได้ ให้เสียบคอมกับหน้าจอโดยใช้สาย DisplayPort- จะใช้สาย HDMI แทนก็ได้ ถ้าไม่มีสาย DisplayPort แต่อย่าใช้สาย DVI, VGA และอื่นๆ ที่คุณภาพต่ำ
เปิดหน้าจอทิ้งไว้ 30 นาทีขึ้นไป แล้วค่อยเริ่ม calibrate. หน้าจอจะได้มีเวลาอุ่นเครื่อง[1]- ถ้าคอมอยู่ในโหมด hibernate หรือใช้ screensaver ให้ขยับเมาส์ทุก 2 - 3 นาที หน้าจอจะได้ไม่ดับไป
เปลี่ยน resolution ของหน้าจอ กลับเป็นค่า default ก่อน. ตามค่า default หน้าจอจะใช้ resolution สูงสุดที่ใช้ได้ ซึ่งเป็นค่าแนะนำสำหรับการ calibrate หน้าจอ- Windows — เปิด Start คลิก Settings
คลิก System คลิก Display คลิกช่อง "Resolution" ให้ขยายลงมา แล้วคลิก "Recommended" resolution สุดท้ายคลิก Keep changes ตอนที่ขึ้น
- Mac — เปิด Apple menu คลิก System Preferences... คลิก Displays คลิก tab Display กด ⌥ Option ค้างไว้แล้วคลิก Scaled เลือกหน้าจอที่เสียบไว้ จากนั้นติ๊กช่อง "Default for display"
โฆษณา- Windows — เปิด Start
เปิด Start. คลิกโลโก้ Windows ที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอ
เปิด calibration tool. พิมพ์ calibrate display แล้วคลิก Calibrate display color ทางด้านบนของเมนู Start
ต้องเปิด calibration tool ให้ถูกหน้าจอ. ถ้าใช้หน้าจอคู่ ก็ต้องย้ายหน้าต่าง calibration มาไว้ที่หน้าจอที่ 2
คลิก Next. ที่มุมขวาล่างของหน้า
ปรับหน้าจอกลับไปใช้ default color settings ตามค่าโรงงาน. ถ้าไม่ได้ใช้ค่านี้อยู่ ให้กดปุ่ม "Menu" ของหน้าจอ แล้วเลือก factory default color settings จากในเมนู- ไม่จำเป็นต้องทำขั้นตอนนี้ ถ้าไม่เคยปรับเปลี่ยน color settings ของหน้าจอ (ไม่ใช่ settings ของคอม)
- ไม่จำเป็นต้องทำขั้นตอนนี้ ถ้าใช้แล็ปท็อป
คลิก Next. ที่มุมขวาล่างของหน้า
เช็คตัวอย่าง "Good gamma" แล้วคลิก Next. ตัวอย่าง "Good gamma" จะอยู่กลางหน้า ปกติต้องตั้งค่า gamma ให้ตรงตามตัวอย่างนี้
ปรับ gamma ของหน้าจอ. คลิกแล้วลากแถบเลื่อนทางซ้ายของหน้าขึ้นหรือลง เพื่อเพิ่มหรือลดค่า gamma ต้องดูให้ดีว่าสี่เหลี่ยมที่อยู่ตรงกลางหน้านั้นหน้าตาเหมือนตัวอย่าง "Good gamma" ในขั้นตอนที่แล้ว
คลิก Next 2 รอบ. ปกติจะอยู่มุมขวาล่างของหน้า
เช็คตัวอย่าง "Good brightness" แล้วคลิก Next. ถ้าใช้แล็ปท็อป ให้คลิกตัวเลือก Skip กลางหน้า จากนั้นไม่ต้องทำอีก 2 ขั้นตอนถัดไป
ปรับ brightness หรือความสว่างของหน้าจอ. เปิดเมนูของหน้าจอ โดยกดปุ่ม "Menu" แล้วเลือกหัวข้อ "Brightness" จากนั้นเพิ่มหรือลดความสว่างตามต้องการ- ต้องตั้งค่า brightness ให้หน้าจอตรงตามเกณฑ์ใต้รูปกลางหน้า
คลิก Next. ที่มุมขวาล่างของหน้า เพื่อไปยังตัวอย่าง "Contrast"
เช็คตัวอย่าง "Good contrast" แล้วคลิก Next. ย้ำอีกทีว่าถ้าใช้แล็ปท็อป ก็ไม่ต้องทำอีก 2 ขั้นตอนถัดไป
ปรับ contrast ของหน้าจอ. ในเมนูของหน้าจอ ให้เพิ่มหรือลดค่า contrast จนรูปกลางหน้าตรงตามเกณฑ์ใต้รูป
คลิก Next 2 รอบ. ปกติจะอยู่มุมขวาล่างของหน้า
ปรับ color balance. คลิกแล้วลากแต่ละแถบเลื่อนท้ายหน้าไปทางซ้ายหรือขวา จนเห็นแท่งต่างๆ ทางด้านบนของหน้าเป็นสีเทาธรรมดา (ไม่เหลือบเขียว แดง หรือน้ำเงิน)
คลิก Next แล้วสังเกตความเปลี่ยนแปลง. ให้คลิก Previous calibration ถ้าอยากดูสภาพหน้าจอก่อน calibrate จากนั้นคลิก Current calibration เพื่อเปรียบเทียบหน้าจอหลัง calibrate
คลิก Finish. ทางด้านล่างของหน้า เพื่อเซฟ calibration settingsโฆษณา
เปิดเมนู Apple. คลิกโลโก้ Apple ที่มุมซ้ายบนของหน้าจอ แล้วเมนูจะขยายลงมา
คลิก System Preferences…. ในเมนูที่ขยายลงมา เพื่อเปิดหน้าต่าง System Preferences
คลิก Displays. ที่เป็นตัวเลือกในหน้าต่าง System Preferences แล้วหน้าต่าง pop-up จะโผล่มา
คลิก Color. ปกติ tab นี้จะอยู่ด้านบนของหน้าต่าง Displays
คลิก Calibrate…. ทางขวาของหน้า
คลิก Continue. ที่เป็นตัวเลือกมุมขวาล่างของหน้า
ทำตามขั้นตอนในหน้าจอ. ตัวเลือกในหน้าต่างจะแตกต่างกันออกไปตามหน้าจอที่ใช้ แต่ส่วนใหญ่ให้คลิก Continue ที่มุมขวาล่างของหน้า จนเจอช่องใส่รหัสผ่าน
พิมพ์รหัสผ่านในช่องที่โผล่มา. พิมพ์รหัสผ่านที่ใช้ล็อกอินในช่อง "Password" แล้วคลิก OK
คลิก Done ตอนที่ขึ้น. เพื่อเซฟค่าใหม่ที่ calibrate หน้าจอไปโฆษณา
บางที่ก็ต้องใช้ colorimeter. colorimeter เป็นเครื่องที่เอามาเทียบวัดสีที่หน้าจอ ส่วนใหญ่จะมีโปรแกรมที่ต้องใช้ร่วมกันเวลาจะ calibrate สีและความสว่างของหน้าจอ โดยไม่สำคัญว่ามีแดด แสงไฟในห้อง หรืออื่นๆ รบกวน
เลือกซื้อ colorimeter ที่เหมาะกับการใช้งาน. colorimeter มีตั้งแต่ใช้ส่วนตัว ราคาไม่กี่พัน ไปจนถึงระดับองค์กร ราคาเป็นหมื่นๆ เพราะงั้นก็เลือกที่ตรงตามความต้องการของคุณที่สุด ในราคาที่สมเหตุสมผล- ปกติ colorimeter ตระกูล Spyder คนนิยม เพราะใช้ดีมีประสิทธิภาพ
- ต้องซื้อ colorimeter ให้ตรงกับระบบปฏิบัติการของคอม ปกติ colorimeter ส่วนใหญ่จะใช้ได้ทั้งกับ Windows, macOS และ Linux แต่ถ้าอันที่ถูกหน่อยจะใช้ได้กับเฉพาะบางระบบปฏิบัติการเท่านั้น
ต้องเตรียมหน้าจอก่อน calibrate. ถ้ายังไม่ได้จัดวางหน้าจอในห้องหรือบริเวณที่แสงไม่มืดหรือจ้าเกินไป และยังไม่ได้เปิดหน้าจอทิ้งไว้สักพัก ก็ต้องทำให้เรียบร้อยซะก่อน- อีกข้อสำคัญคือหน้าจอต้องสะอาดเอี่ยม เพราะเศษสิ่งสกปรกหรือคราบเลอะ จะทำให้ใช้ colorimeter แล้วค่าเพี้ยนได้
ติดตั้งโปรแกรมที่ใช้ร่วมกับ colorimeter ถ้ามี. บาง colorimeter จะมาพร้อมแผ่น CD สำหรับติดตั้งโปรแกรมที่ใช้คู่กับ colorimeter- บาง colorimeter ก็ต้องติดตั้งโปรแกรมหลังเสียบ colorimeter ไม่ใช่ก่อนเสียบ
- บาง colorimeter เสียบแล้วจะติดตั้งโปรแกรมอัตโนมัติ
เสียบ colorimeter. เสียบสาย USB ของ colorimeter ที่พอร์ท USB ว่างของคอม- ต้องใช้พอร์ท USB ของคอมโดยตรง อย่าใช้ USB hub หรือพอร์ท USB ของคีย์บอร์ดที่เสียบไว้
- อาจจะต้องเปิด colorimeter ก่อน ถึงจะทำตามขั้นตอนได้
ทำตามขั้นตอนในหน้าจอ. พอคอมสแกนเจอ colorimeter แล้ว จะเห็นหน้าต่าง pop-up โผล่มา ก็ทำตามขั้นตอนหรือคำสั่งในหน้าต่างได้เลย
เอา colorimeter ไปจ่อที่หน้าจอ. colorimeter ต้องพอดีกับกลางหน้าจอ โดยหันเลนส์เข้าหาหน้าจอ[2]- โปรแกรม colorimeter ส่วนใหญ่จะมีกรอบที่ตรงกับรูปร่างของ colorimeter เอาไว้ระบุตำแหน่งของเครื่อง
เริ่มขั้นตอนการ calibrate. คลิก Next หรือ Start (หรืออะไรที่ใกล้เคียง) ในหน้าต่าง pop-up เพื่อเปิดโปรแกรม calibrate โดยโปรแกรมจะทำงานไปจน calibrate เสร็จ ถึงตอนนี้ก็ดึง colorimeter ออกได้เลย- อาจจะต้องคลิกผ่านไปหลายตัวเลือก หรือทำหลายขั้นตอนหน่อย ตอนจะ calibrate หรือระหว่างขั้นตอน
โฆษณา
เคล็ดลับ
- มีเว็บฟรีชื่อ "Lagom monitor LCD test" ในเว็บจะมีหน้าต่างๆ มากมาย ใช้ calibrate หน้าจอเองได้เลย
- บางหน้าจอจะมีหรือใช้ๆ ไปแล้วแสงสว่างไม่เท่ากันทั้งหน้าจอ ให้ทดสอบโดยลากรูปไปมารอบๆ หน้าจอ เพื่อดูว่าส่วนไหนสว่างหรือมืดกว่าส่วนอื่น ส่วนใหญ่เป็นแบบนี้มีทางเดียวคือต้องเปลี่ยนหน้าจอ แต่อย่างน้อยถ้ารู้ว่าตรงไหนแสงเพี้ยน จะได้ calibrate โดยเช็คแค่ส่วนที่แสดงภาพถูกต้องในหน้าจอแทน เพื่อไม่ให้ผลลัพธ์ผิดเพี้ยนไป[3]
โฆษณา
คำเตือน
- ถ้าในคอมมีหลายโปรแกรมสำหรับ calibrate หน้าจอ ก็ขอให้ใช้แค่ทีละโปรแกรม ไม่งั้นจะทำงานแย้งกันได้
- แนะนำว่าอย่าใช้ตัวเลือก auto-calibrate หรือ calibrate หน้าจอแบบอัตโนมัติ เพราะจะปรับแต่งตามหน้าจอ ไม่ได้ออกมาเฉพาะเจาะจงหรือละเอียดเท่าปรับแต่งเอง
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
นักเทคโนโลยีมืออาชีพ
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Stan Kats. สแตน แคทส์ เป็นนักเทคโนโลยีมืออาชีพ และเป็น COO และหัวหน้านักเทคโนโลยีของ STG IT Consulting Group ในเวสต์ฮอลลีวูด แคลิฟอร์เนีย สแตนมีการแก้ปัญหาทางเทคโนโลยีแบบครบวงจรให้แก่ธุรกิจต่างๆ ผ่านบริการด้านไอทีที่มีการจัดการ และสำหรับบุคคลผ่านธุรกิจบริการผู้บริโภคชื่อ Stan's Tech Garage สแตนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีศิลปศาสตรบัณฑิตสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย เขาเริ่มต้นอาชีพโดยทำงานที่ Fortune 500 IT world สแตนก่อตั้งบริษัทเพื่อเสนอความชำนาญระดับองค์กรให้แก่ธุรกิจขนาดเล็กและบุคคลต่างๆ บทความนี้ถูกเข้าชม 42,009 ครั้ง
หมวดหมู่: ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์
มีการเข้าถึงหน้านี้ 42,009 ครั้ง
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.
โฆษณา
