วิธีการ ได้เป็น Verified Account ใน Twitter

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการเพิ่มโอกาสการได้เป็น verified account ใน Twitter มีเครื่องหมายก้อนเมฆสีฟ้าพร้อมติ๊กถูกประดับโปรไฟล์ แปลว่า Twitter รับรองบัญชีคุณแล้ว

หมายเหตุ: ตอนนี้ Twitter งดรับคำร้องขอเป็น verified account ชั่วคราว ตั้งแต่พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นมา ที่ทำได้คือเตรียมบัญชีให้เข้าข่าย พร้อมรับการตรวจสอบของ Twitter ทุกเมื่อ

ส่วน 1

ส่วน 1 ของ 4:

เคล็ดลับทั่วๆ ไป

ดาวน์โหลดบทความ

1
ใครเข้าข่ายได้เป็น verified account. ไม่ว่าคุณจะยื่นคำร้องไปเอง หรือทีม Twitter เป็นคนเลือก ปัจจัยยอดนิยมที่ทำให้คุณได้รับการตรวจสอบ ก็คือเป็นคนดังที่รู้จักกันในวงกว้าง (เช่น นักร้อง นักดนตรี นักแสดง นักกีฬา ศิลปิน เซเลบ บุคคลสาธารณะ นักการเมือง หรือคนสำคัญระดับประเทศ/โลก) อีกทีคือกรณีที่คุณใช้ชื่อและทำตัวเลียนแบบหรือล้อเลียนหลายๆ บัญชี Twitter จนทำให้เกิดความสับสนได้^{[1]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ปกติ Twitter ไม่ได้พิจารณาจากจำนวน followers หรือทวีต เวลาตรวจสอบบัญชี^{[2]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถ้าอยากรู้เกณฑ์การพิจารณาเพิ่มเติม ให้อ่าน Verified Account terms ที่หน้า Twitter Verified "About"
2
ใช้ Twitter เป็นประจำ. โพสต์ทวีตใหม่เรื่อยๆ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง อย่าลืมมีปฏิสัมพันธ์กับคนที่เขา mention แท็กคุณมาด้วย แบบนี้ Twitter ถึงจะมองว่ามีสถานะ "active" แถมเป็นวิธีการเพิ่มกระแสในทางดีให้บัญชีคุณด้วย
- ในแต่ละทวีต พยายามพูดถึงเรื่องราว ผลงาน บริการ หรือทักษะ ความสามารถ ที่เป็นจุดเด่นของคุณให้ผู้ติดตามได้รู้กัน Twitter จะได้เห็นว่ามีคนสนใจเรื่องของคุณเป็นสาธารณะเยอะแยะ
3
เป็นบัญชีสาธารณะที่มีอิทธิพลในวงกว้าง. อย่างที่บอกไปว่า Twitter ชอบรับรองบัญชีที่คนรู้จักกันในวงกว้าง ประมาณว่าแบรนด์หรือคนดัง แต่จะไม่ค่อยสนบัญชีเงียบๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ถ้าคุณเป็น PR ตัวแทนแบรนด์ หรืออะไรที่เผยแพร่ข้อมูลให้คนหมู่มาก ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสได้ติ๊กถูกมาครอง
- แต่ก็อย่าพยายามทวีตอะไรก่อดราม่าหรือทำให้คนอื่นเสียหาย เดือดร้อน การที่ได้ติ๊กถูกจาก Twitter ไม่ใช่บัตรเบ่ง หรือ Twitter ให้ท้าย ถ้าทวีตอะไรไม่ดี ก็มีผลต่อบัญชีของคุณแน่นอน
- เช่น ถ้ามีบล็อกหรือ channel YouTube ที่ใช้สื่อสารกับคนอ่าน ก็ขอให้เป็นหลักของบัญชี Twitter คุณ ถ้าอยากเพิ่มโอกาสการตรวจสอบ
อัพเดทข้อมูลบัญชี. เกณฑ์การตรวจสอบของ Twitter นั้นเข้มน่าดู เพราะงั้นโปรไฟล์คุณต้องมีข้อมูลที่ตรงตามเกณฑ์ทั้งหมด คือมีรูปโปรไฟล์ รูป header ชื่อ-นามสกุล bio หรือประวัติย่อ แล้วก็ตำแหน่งที่ตั้ง
5
ติดตามบัญชีที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว. เพื่อทั้งสำรวจว่าคนอื่นๆ ที่เขาผ่านการตรวจสอบ เขาเป็นแบบไหน ทำอะไรกัน และเพิ่มโอกาสให้ Twitter ตามมาตรวจสอบคุณบ้าง การที่ไปติดตามบัญชีต่างๆ ที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว ทำให้ดูว่าคุณพร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งของชาว Twitter ที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว
- เหมือนการมีปฏิสัมพันธ์กันในโซเชียลมีเดียอื่นๆ คือถ้าคุณ mention หรือแท็กบัญชีที่เขาผ่านการตรวจสอบแล้ว เวลาคุณทวีตอะไร หรือพูดคุยโต้ตอบกับบัญชีเหล่านั้น จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ Twitter หันมามองบัญชีของคุณมากขึ้น
6
ติดต่อบัญชี Twitter Verified. ถ้าอดใจรอไม่ไหว ก็เป็นฝ่ายชิงออกตัวก่อนได้ โดยทวีตไปหา Twitter Verified (@verified) ให้เขามาตรวจสอบบัญชีคุณ ขั้นตอนนี้ไม่รับรองผล แต่อย่างน้อยคุณก็ไม่อยู่นอกสายตาทีม Twitter Verified อีกต่อไป^{[3]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ติดต่อพูดคุยกับ Twitter Verified อย่างสุภาพ อย่าคาดคั้นหรือกดดัน เพราะนอกจากไม่ได้ช่วยให้ผ่านการตรวจสอบเร็วขึ้น ยังเสี่ยงโดนจัดเข้า blacklist ได้ ถ้าพูดอะไรไม่เข้าหูทีมงาน
7
อดใจรอ. ถึงจะเตรียมบัญชีและทำตามที่แนะนำมาทุกอย่างแบบไม่ขาดตกบกพร่อง ก็ใช่ว่าจะผ่านการตรวจสอบ ได้ติ๊กถูกมาครอบครองในเร็ววัน (ไม่มีอะไรรับรองว่าจะผ่านการตรวจสอบเลยด้วยซ้ำ) เพราะ Twitter มีบัญชีรอให้ตรวจสอบอีกเป็นล้าน ที่คุณทำได้มีแค่อดใจรอ ดูแล Twitter ของตัวเองให้เข้าเกณฑ์ต่อไป และดียิ่งๆ ขึ้น เพราะคุณไม่มีทางรู้ว่าเมื่อไหร่ Twitter จะแวะมาตรวจสอบบัญชีของคุณ
- คาดว่าอีกหน่อย Twitter จะกลับมาเปิดรับคำร้องขอให้ตรวจสอบบัญชีอีก ถึงตอนนั้นขั้นตอนก็จะตรงไปตรงมา และน่าจะรู้ผลเร็วขึ้น แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้น ก็ได้แต่ดูแล Twitter ตัวเองและอดใจรอต่อไป
โฆษณา

ส่วน 2

ส่วน 2 ของ 4:

ยืนยันหมายเลขโทรศัพท์

ดาวน์โหลดบทความ

1
เปิด Twitter. เข้าเว็บ https://twitter.com/ ในเบราว์เซอร์ แล้วจะเห็น Twitter ตัวเอง ถ้าล็อกอินไว้แล้ว
- ถ้ายังไม่ได้ล็อกอิน ให้คลิก Log in แล้วพิมพ์ข้อมูลบัญชี (อีเมล/username/เบอร์โทร กับรหัสผ่าน) จากนั้นคลิก Log in
ที่เป็นวงกลม มีรูปโปรไฟล์คุณข้างใน อยู่ด้านขวาบนของหน้า แล้วเมนูจะขยายลงมา
ที่เป็นตัวเลือกในเมนูที่ขยายลงมา เพื่อเปิดหน้า Settings
ทางซ้ายของหน้า
5
ใส่เบอร์โทรศัพท์. ในช่องกลางหน้า ให้พิมพ์เบอร์มือถือลงไป
- นี่คือเบอร์โทรที่เอาไว้รับ SMS
- ถ้ามีเบอร์ขึ้นอยู่แล้ว แสดงว่ายืนยันเบอร์นี้ไปแล้ว
ที่เป็นปุ่มสีฟ้า ล่างช่องพิมพ์เบอร์โทร เพื่อให้ Twitter ส่งโค้ดยืนยันมาทางมือถือ
เปิด Messages ในมือถือ เข้า SMS ที่ได้จาก Twitter แล้วจดโค้ด 6 หลักมา
พิมพ์โค้ดยืนยัน 6 หลักในช่องพิมพ์กลางหน้า Twitter Mobile Settings
9
คลิก Activate phone. ที่เป็นปุ่มสีฟ้า ล่างช่องพิมพ์ เพื่อยืนยันเบอร์โทร แล้วพ่วงเบอร์นั้นกับบัญชี
- คุณใช้เบอร์นี้กู้บัญชี Twitter ได้ เวลาลืมรหัสผ่าน
โฆษณา

ส่วน 3

ส่วน 3 ของ 4:

เปลี่ยนไปใช้โปรไฟล์แบบสาธารณะ

ดาวน์โหลดบทความ

1
เปิด Twitter. เข้าเว็บ https://twitter.com/ ในเบราว์เซอร์ แล้วจะเห็น Twitter ตัวเอง ถ้าล็อกอินไว้แล้ว
- ถ้ายังไม่ได้ล็อกอิน ให้คลิก Log in แล้วพิมพ์ข้อมูลบัญชี (อีเมล/username/เบอร์โทร กับรหัสผ่าน) จากนั้นคลิก Log in
ที่เป็นวงกลม มีรูปโปรไฟล์คุณข้างใน อยู่ด้านขวาบนของหน้า แล้วเมนูจะขยายลงมา
ที่เป็นตัวเลือกในเมนูที่ขยายลงมา เพื่อเปิดหน้า Settings
ทางซ้ายของหน้า
5
เอาติ๊กออกจาก "Protect your tweets". ในหัวข้อ "Tweet privacy" ทางด้านบนของหน้า
- ถ้าช่องนี้ไม่ได้ติ๊กอยู่ แสดงว่าทวีตเป็นสาธารณะ
ที่เป็นปุ่มด้านล่างสุดของหน้า เพื่อเปลี่ยน Twitter จากส่วนตัวเป็นสาธารณะ ให้คนเห็นทวีตเก่าและใหม่ของคุณได้
โฆษณา

ส่วน 4

ส่วน 4 ของ 4:

แก้ไขบัญชีให้ได้เป็น Verified Account

ดาวน์โหลดบทความ

1
เปิด Twitter. เข้าเว็บ https://twitter.com/ ในเบราว์เซอร์ แล้วจะเห็น Twitter ตัวเอง ถ้าล็อกอินไว้แล้ว
- ถ้ายังไม่ได้ล็อกอิน ให้คลิก Log in แล้วพิมพ์ข้อมูลบัญชี (อีเมล/username/เบอร์โทร กับรหัสผ่าน) จากนั้นคลิก Log in
ที่เป็นวงกลม มีรูปโปรไฟล์คุณข้างใน อยู่ด้านขวาบนของหน้า แล้วเมนูจะขยายลงมา
ทางด้านบนของเมนูที่ขยายลงมา เพื่อเปิด Twitter ตัวเอง
ที่เป็นตัวเลือกทางขวาของหน้าโปรไฟล์ เพื่อเข้าโหมด "Edit" หรือแก้ไขโปรไฟล์
5
เปลี่ยนรูปโปรไฟล์และ header ด้านบน. คุณเปลี่ยนรูปแต่ละจุดได้โดยคลิกรูปที่จะเปลี่ยน คลิก Upload photo ในเมนูที่โผล่มา เลือกรูป แล้วคลิก Open
- รูป header ให้เป็นอะไรก็ตามที่คุณมีชื่อเสียงหรือเป็นจุดเด่นที่คนรู้จักจดจำ (เช่น รูปคุณกำลังพูดในที่ประชุม หรืองานแสดง)
- รูปโปรไฟล์ควรเป็นรูปเจาะถ่ายให้เห็นหน้าชัดๆ และถ่ายสวยๆ ดูโปร (อย่างน้อยก็ต้องสว่างชัดเจน เป็นรูปที่คมชัด)
ทางซ้ายของหน้า จะมีชื่อ Twitter ของคุณในช่องพิมพ์ ถ้าชื่อ Twitter คุณไม่ใช่ชื่อจริง (หรือชื่อในวงการที่รู้จักกันดี ในกรณีเป็นเซเลบ ดารา นักร้อง) ให้พิมพ์ชื่อจริง/ชื่อในวงการ ลงในช่องนี้
พิมพ์ตำแหน่งที่ตั้งหรือสถานที่ที่คุณอยู่ ในช่อง "Location" ทางซ้ายของหน้า หลายคนชอบใส่ "Location" เอาฮา ประมาณว่าโลกสมมุติหรือสถานที่ในหนัง ละคร การ์ตูน แต่บอกเลยว่าถ้าอยากผ่านการตรวจสอบ ก็ต้องระบุสถานที่ตามจริง (เช่น จังหวัด รัฐ (อเมริกา) เมือง (ประเทศอื่นๆ)) Twitter ถึงจะพิจารณา
8
พ่วงเว็บไซต์. ในช่อง Website ให้ใส่ลิงค์เว็บหรือโซเชียลอื่นๆ ที่คุณดังในนั้น เช่น ประวัตินักเขียน channel YouTube หน้าประวัติ startup ของคุณ
- เว็บที่ใส่ไว้ ควรมีประวัติและผลงานเด่นๆ ของคุณที่ควรคู่แก่การพิจารณา เช่น โปรไฟล์นักเขียนในเว็บข่าว หรือรายชื่องานเพลง พวกนี้ควรพ่วงไว้กับโปรไฟล์ Twitter^{[4]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- แนะนำว่าส่วนของเว็บไซต์ ควรใส่ลิงค์ความสำเร็จหรือผลงานที่โดดเด่นที่สุด อย่างถ้าเคยเป็นนักเขียน แล้วตอนนี้มีสำนักพิมพ์ของตัวเอง ก็ให้อัพเดทโปรไฟล์ด้วยเว็บสำนักพิมพ์แทน
อันนี้ไม่ค่อยมีผลในการพิจารณา แต่จะทำให้ Twitter รู้สึกว่าคุณเปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นและเป็นความจริงครบถ้วน ไม่จงใจปิดบังข้อมูลไหน ไม่ใช่คนหลอกลวง ให้ใส่วันเดือนปีเกิดในช่อง "Birthday" ทางซ้ายของหน้าได้เลย
10
กรอก bio ให้สั้นกระชับแต่ได้ใจความ. พิมพ์ในช่องล่างชื่อ ทางซ้ายของหน้า bio หรือประวัติย่อของคุณนี่แหละ ที่ช่วยให้ Twitter (และคนอ่าน) รู้ว่าคุณเป็นตัวจริงที่คู่ควรกับติ๊กถูก รายละเอียดที่แนะนำให้ใส่ก็คือ
- ลักษณะงานหรือบริการของคุณ (อธิบายบัญชีสั้นๆ)
- mention ไปยังโปรไฟล์ที่อ้างอิงผลงานหรือบริการของคุณได้ (เช่น เป็นบ.ก. ที่วิกิฮาวก็แท็กวิกิฮาวไป "Editor at @wikihow" อย่าเขียนแค่ "How.com.vn editor")
- ความสำเร็จส่วนตัวสัก 1 - 2 อย่าง (เช่น "CEO of [บริษัท]")
- ประโยคเด็ดผสมอารมณ์ขัน (ต้องดูสายงานของคุณ และดูด้วยว่าเป็นบัญชีทางการหรือเปล่า แบบนั้นอาจจะดูไม่โปร)
- เล่นใหญ่ได้ตามสถานการณ์ เช่น ถ้ามี "บริษัทเล็กๆ" ให้บริการตัดต่องานของคนอื่น ก็ตั้งตัวเป็น "entrepreneur" (เจ้าของกิจการ) หรือกระทั่งเป็น "CEO" ของบริษัทตัวเอง
ด้านขวาบนของหน้า เพื่อเซฟค่าใหม่ ให้มีผลกับโปรไฟล์ พอตอนนี้โปรไฟล์คุณจัดเต็มพร้อมให้ Twitter ตรวจสอบ ก็เท่ากับใกล้จะได้ติ๊กถูกมาประดับท้ายชื่อไปอีกขั้น
โฆษณา

เคล็ดลับ

ลองเข้าไปศึกษาบัญชีอื่นๆ ที่ผ่านการตรวจสอบแล้วดู ว่าบัญชีเขาเป็นยังไง ทวีตประมาณไหน ง่ายที่สุดคือไปที่หน้า Twitter Verified (@verified) เลือก tab Following แล้วสำรวจผู้ใช้ที่ได้รับการตรวจสอบแล้ว
พอบัญชีคุณได้รับการตรวจสอบแล้ว จะเห็นว่าบาง followers ถูกลบหายไป^{[5]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}

โฆษณา

คำเตือน

ห้ามใส่ติ๊กถูกเองที่ท้ายชื่อบัญชี ทำเป็นว่าผ่านการตรวจสอบแล้ว เพราะไม่ได้ดูเจ๋งเลย จะกลายเป็นจงใจหลอกลวงคนอื่น จน Twitter คุณจะปลิวได้
เปลี่ยน username แล้วติ๊กถูกที่ได้ อาจจะปลิวได้เหมือนกัน
ถึงบัญชีคุณจะได้ติ๊กถูกจาก Twitter แล้ว ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีคนมาล้อเลียนหรือเลียนแบบบัญชีคุณ
ถ้าเป็นบัญชีแบบส่วนตัว จะไม่ได้รับติ๊กถูกจาก Twitter เพราะการให้ติ๊กถูกเป็นเหมือนการประชาสัมพันธ์ให้บัญชีที่ส่งผลต่อผู้คนในวงกว้างอยู่แล้ว

โฆษณา