วิธีการ เป็นคนเงียบและขรึมมากๆ

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

การเป็นคนเงียบขรึมนั้นสามารถมองได้หลายด้าน หลายคนมักจะมองว่าคนที่มีบุคลิกเงียบขรึมนั้น ต้องเป็นเพราะว่าคนๆ นั้นขี้อายมากๆ หรือไม่ก็อาจเป็นคนไม่สนโลกไปเลยก็ได้ แม้ว่าในความจริงอาจจะไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป ซึ่งการเป็นคนที่มีบุคลิกเงียบขรึมมากกว่าเดิม ก็ไม่ได้มีผลทำให้สังคมของคุณเปลี่ยนไปสักเท่าไร ถ้าหากคุณฝีกฝนและมีความเข้าใจสักหน่อย คุณก็จะสามารถเป็นคนที่เงียบและขรึมโดยที่เพื่อนๆ ของคุณยังไม่ตีตัวออกห่างไปไหน และคุณก็ยังสามารถเป็นตัวของตัวเองได้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

เป็นคนเงียบขรึม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 หาเพื่อนที่เข้าใจคุณ.
    สิ่งที่ผู้คนมักจะเข้าใจผิดกันก็คือ คนที่ดูเงียบขรึมนั้นไม่มีเพื่อน ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่แบบนั้นเลย คนที่มีบุคลิกเงียบขรึมบางคน จะเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า ที่จะสร้างมิตรภาพที่แข็งแกร่งกับคนอื่น ด้วยการโฟกัสอยู่กับการทำความรู้จักในสิ่งที่คนอื่นเป็น มากกว่าจะไปพูดคุยในเรื่องที่ไม่มีสาระสำคัญ หรือพูดเกี่ยวกับเรื่องของตัวเองให้คนอื่นฟัง[1]
    • คุณไม่จำเป็นต้องหาเพื่อนที่เป็นคนเงียบขรึมเหมือนคุณก็ได้ แต่คุณควรจะมั่นใจว่าคนที่อยู่ใกล้ตัวคุณเหล่านั้น เป็นคนที่เข้าใจลักษณะนิสัยเงียบๆ ของคุณ
    • หาคนที่เข้าใจและยอมรับในตัวคุณ หากคุณไม่รู้ว่าใครในสังคมรอบข้างของคุณ เป็นคนที่มีความเข้าใจและยอมรับต่อสิ่งต่างๆ ลองพูดคุยกับผู้คนเหล่านั้นแล้วค่อยๆ เรียนรู้ไปว่าตัวตนของพวกเขาเป็นยังไง
  2. How.com.vn ไท: Step 2 พยายามรู้จักตนเองให้มากขึ้น.
    คนที่มีบุคลิกเงียบขรึมบางคนพบว่า บุคลิกส่วนตัวแบบนี้ทำให้พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากความรู้สึกของตัวเองได้[2] การรับรู้และเข้าใจว่าคุณรู้สึกยังไงต่อคนอื่น ความคิด หรือประเด็นต่างๆ เป็นส่วนสำคัญในการปลูกฝังความตระหนักในตัวคุณเอง ซึ่งนี่จะช่วยทำให้คุณใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้ง่ายกว่าเดิม
    • สละช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งมาไตร่ตรองแต่ละวันของคุณ หากคุณกำลังพยายามทำให้ตัวเองเป็นคนที่เงียบขรึมมากกว่าเดิม คุณควรจะเจียดเวลาบางส่วนมานั่งคิดไตร่ตรองตัวคุณและวันของคุณ[3]
    • ลองคิดออกมาว่า ประสบการณ์ไหนในชีวิตของคุณ ที่เป็นสิ่งที่มีความหมายและเป็นแสงสว่างสำหรับคุณ และหาเหตุผลว่าทำไมประสบการณ์เหล่านั้นได้เปลี่ยนแปลงตัวคุณ และเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร[4]
    • เวลาที่คุณคุยกับคนอื่นที่สนิทกับคุณ ให้ถามพวกเขาว่าคิดยังไงกับพฤติกรรมและความคิดต่างๆ ของคุณ ทำให้พวกเขารู้ว่าคุณต้องการจะเป็นคนที่มีความตระหนักในตัวเอง รวมถึงตระหนักในวิธีที่คุณคิดและทำให้มากกว่านี้ ซึ่งมุมมองจากคนนอก จะเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะมันจะช่วยทำคุณได้เรียนรู้ตัวเองมากขึ้น[5]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 บ่มเพาะความสนใจของตัวเอง.
    คนที่มีบุคลิกเงียบๆ หลายคน มักจะอุทิศเวลาและพลังงานส่วนใหญ่ของพวกเขาไปกับสิ่งที่พวกเขาหลงใหล[6] แม้ว่าจริงๆ อาจจะไม่ใช่แบบนั้นทุกคน แต่นี่ก็คือลักษณะทั่วไปของคนประเภทนี้ และถ้าคุณมีลักษณะส่วนตัวแบบนี้ นี่อาจจะทำให้คุณเป็นคนที่มีอารมณ์มั่นคงขึ้น และรู้สึกดีที่ตัวเองเป็นคนที่มีบุคลิกเงียบขรึมมากกว่าเดิม
    • ลองนึกย้อนกลับไปในตอนที่คุณยังเป็นเด็กอยู่ แล้วลองดูว่ากิจกรรมอะไรที่คุณชอบทำมากที่สุดในช่วงเวลานั้น หากคุณชอบวาดรูป/ระบายสีด้วยนิ้วมือ นั่นแสดงว่าบางทีคุณอาจจะสนใจศิลปะก็ได้ หรือถ้าหากคุณรักการเขียนและการอ่าน ก็ลองลงเรียนคอร์สเรียนการเขียนดู เพราะสิ่งที่เคยมีคุณค่าที่สุดสำหรับคุณในช่วงวัยเด็ก อาจจะยังเป็นสิ่งที่คุณหลงใหลอยู่ลึกๆ ในใจก็เป็นได้[7]
    • หากคุณยังคิดไม่ออกว่าตอนนั้นคุณชอบทำอะไร ให้คุณลองคิดถึงสิ่งที่คุณทำอยู่ในปัจจุบัน แล้วดูว่ามีสิ่งไหนที่สามารถจุดประกายความอยากรู้อยากเห็นของคุณได้ และอะไรที่ทำให้ชีวิตแต่ละวันของคุณไม่น่าเบื่อ[8]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับสถานการณ์ต่างๆ ในสังคม....
    เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับสถานการณ์ต่างๆ ในสังคม. หากคุณเป็นคนที่มีบุคลิกเงียบขรึม โอกาสที่คุณจะรู้สึกหวาดกลัวและอึดอัดกับสถานการณ์ต่างๆ ในสังคมก็จะมีมากขึ้น สำหรับบางคน แค่การออกไปซื้อของข้างนอกก็อาจจะเป็นเรื่องที่ทำให้เครียดได้ เพราะว่าการออกไปซื้อของนั้น ต้องมีการสื่อสารกับคนแปลกหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว แต่ก็ยังโชคดีอยู่ เพราะยังมีหลายหนทางที่คุณสามารถใช้เพื่อช่วยให้ตัวเองใช้ชีวิตอยู่กับสถานการณ์ต่างๆ ในสังคมได้ ซึ่งนี่จะช่วยลดความเครียดและความอึดอัดต่อสถานการณ์ต่างๆ ของคุณ และวิธีการต่างๆ ก็มีดังนี้
    • ใส่หูฟังในขณะที่คุณกำลังเดิน ใช้ขนส่งสาธารณะ หรือกำลังมองหาของที่อยากได้ในร้านค้า [9]
    • หลีกเลี่ยงคนที่ดูเหมือนจะอารมณ์เสียหรือฉุนเฉียว[10]
    • หลีกเลี่ยงหรือไม่ต้องไปสนใจคำพูดเล็กๆ น้อยๆ ของคนแปลกหน้า[11]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

พูดคุยกับคนอื่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 หาสิ่งแวดล้อมที่อยู่แล้วไม่อึดอัด.
    หากคุณเป็นคนเงียบๆ คุณอาจจะรู้สึกอึดอัดเวลาที่ต้องคุยเป็นการส่วนตัวกับอีกฝ่ายกลางห้างสรรพสินค้าหรือโรงอาหารโรงเรียน ซึ่งคนที่มีบุคลิกแบบนี้หลายคนจะรู้สึกว่า มันง่ายและผ่อนคลายกว่ามากที่จะพูดคุยกันในที่เงียบๆ และมีบรรยากาศผ่อนคลายมากกว่านี้ หากเป็นไปได้ คุณอาจจะต้องหาที่เงียบๆ และสบายให้เจอก่อนที่จะเริ่มพูดคุยกับอีกฝ่าย[12]
    • สถานที่ๆ มีเสียงดังและวุ่นวาย มักจะไม่เอื้อให้บทสนทนาเกิดจากความคิดไตร่ตรองของผู้พูดสักเท่าไร เพราะเสียงรบกวนพวกนั้นจะทำให้ทั้งคู่พูดเสียงดังและตรงจนเกินไป ซึ่งนี่อาจจะทำให้คนอื่นตกใจได้ [13]
    • สำหรับบางคน สถานที่ๆ อึดอัดและร้อน ก็สามารถทำลายความคิดของผู้พูดได้เช่นเดียวกัน[14]
    • ลองนึกดูว่าที่ไหนเป็นที่ๆ คุณอยู่แล้วรู้สึกสบายที่สุด แล้วพยายามพูดคุยในสถานที่ๆ มีสภาพแวดล้อมคล้ายกับสถานที่นั้นมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ฝึกทักษะการฟังของตัวเอง.
    คนที่มีบุคลิกเงียบขรึมมักจะเป็นผู้ฟังที่ดี[15] เพราะว่าคนลักษณะนี้มักจะคิดและประเมินข้อมูลก่อนที่จะพูดออกมา[16] นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม คนทั่วไปมักจะเลือกคุยกับคนที่มีลักษณะเงียบขรึม เมื่อพวกเขาต้องการใครสักคนมาช่วยแก้ปัญหาหรือให้คำแนะนำแก่พวกเขา[17]
    • ฟังอย่างตั้งใจในทุกสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมา[18]
    • ดูว่าควรจะพูดตอบตอนไหนและจะพูดอะไรบ้าง และทำคำตอบของคุณให้กระชับและไม่ยืดเยื้อ[19]
    • คิดก่อนที่คุณจะพูดตอบอีกฝ่ายทุกครั้ง[20]
    • หากคุณต้องการเวลาเพื่อเรียบเรียงความคิดของคุณก่อนที่จะตอบ ให้คุณลองใช้คำพูดเช่น “อืม...ฉันมีความเห็นบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ แต่ฉันขอเวลาทบทวนความคิดตัวเองสักแป๊บหนึ่ง”[21]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ถามคำถามให้เยอะๆ .
    การถามคำถามต่างๆ จะเป็นวิธีที่ช่วยให้คนที่เงียบขรึมได้ทำความรู้จักกับคนอื่น ซึ่งการถามคำถามต่างๆ จะทำให้คุณพูดคุยกับอีกฝ่าย โดยที่ไม่รู้สึกกดดันที่จะพูดคุยแบบไม่รู้จบในเรื่องที่ไม่มีสาระสำคัญอะไร ซึ่งโดยปกติแล้วเป็นสิ่งที่คนเงียบขรึมทั่วไปไม่ค่อยชอบเท่าไร[22]
    • คำถามที่ดีที่สุดคือ คำถามปลายเปิด อย่าใช้คำถามที่ต้องการคำตอบแบบ ใช่/ไม่ใช่ แต่ให้ฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดอย่างตั้งใจแทน แล้วถามอีกฝ่ายด้วยคำถามแบบซักไซ้ ที่แสดงให้เห็นถึงความสนใจในเรื่องที่พูด และแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่จะรู้จักอีกฝ่ายให้มากขึ้นกว่าเดิม[23]
    • แทนที่จะถามคำถามที่ต้องการคำตอบแบบ ใช่/ไม่ใช่ อย่าง “คุณชอบเติบโตขึ้นมาในกรุงเทพหรือเปล่า?” ให้คุณถามคำถามปลายเปิดที่ก่อให้เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกัน เช่น “การใช้ชีวิตเติบโตขึ้นมาในกรุงเทพมันเป็นอย่างไร? คุณชอบอะไรมาก/น้อยที่สุดในตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น?
  4. How.com.vn ไท: Step 4 เป็นตัวของตัวเอง.
    จำไว้ว่าการเป็นคนเงียบขรึมไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย เพราะจริงๆ แล้ว ในบางประเทศ บุคลิกเงียบขรึมแบบนี้ เป็นบุคลิกที่คนส่วนใหญ่ปรารถนาเสียด้วยซ้ำ[24] และเมื่อคุณพูดน้อย และฟังให้มากขึ้น คุณก็จะสามารถหลีกเลี่ยงการพูดดูถูกคนอื่นผ่านการสื่อสารที่ผิดพลาดโดยที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจได้[25] นอกจากนี้ เมื่อคุณพบกับคนที่คุณรู้สึกสนุกที่จะคุยด้วยแล้ว มันจะยิ่งทำให้การปฏิสัมพันธ์ของคุณมีเป้าหมายมากขึ้นกว่าเดิม
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เป็นตัวของตัวเองเสมอ
  • หาพื้นที่สบาย (comfort zone) ของตัวเองให้เจอ โดยคุณอาจจะต้องหาจุดสมดุลของการเป็นคนเงียบขรึมด้วยการพบปะกับผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากงานที่โรงเรียนหรือที่ทำงานของคุณ ต้องทำให้คุณต้องติดต่อพบปะกับคนแปลกหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้คุณหาวิธีการจัดการบทสนทนาที่จะไม่ทำให้คุณรู้สึกอึดอัด และยังสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อยู่


โฆษณา
  1. https://www.psychologytoday.com/blog/fulfillment-any-age/201403/nine-signs-you-re-really-introvert
  2. https://www.psychologytoday.com/blog/fulfillment-any-age/201403/nine-signs-you-re-really-introvert
  3. https://www.psychologytoday.com/blog/communication-success/201410/confident-communication-skills-introverts
  4. https://www.psychologytoday.com/blog/communication-success/201410/confident-communication-skills-introverts
  5. https://www.psychologytoday.com/blog/communication-success/201410/confident-communication-skills-introverts
  6. https://www.psychologytoday.com/blog/shyness-is-nice/201108/quiet-is-not-four-letter-word
  7. https://www.psychologytoday.com/blog/wired-success/201205/why-it-s-time-quiet-introverted-leaders
  8. https://www.psychologytoday.com/blog/shyness-is-nice/201108/quiet-is-not-four-letter-word
  9. https://www.psychologytoday.com/blog/how-do-life/201405/how-become-better-listener
  10. https://www.psychologytoday.com/blog/how-do-life/201405/how-become-better-listener
  11. https://www.psychologytoday.com/blog/how-do-life/201405/how-become-better-listener
  12. https://www.psychologytoday.com/blog/communication-success/201410/confident-communication-skills-introverts
  13. https://www.psychologytoday.com/blog/communication-success/201410/confident-communication-skills-introverts
  14. https://www.psychologytoday.com/blog/communication-success/201410/confident-communication-skills-introverts
  15. https://www.psychologytoday.com/blog/shyness-is-nice/201108/quiet-is-not-four-letter-word
  16. https://www.psychologytoday.com/blog/fulfillment-any-age/201403/nine-signs-you-re-really-introvert

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Trudi Griffin, LPC, MS
ร่วมเขียน โดย:
ผู้ให้คำปรึกษามืออาชีพที่มีใบอนุญาต
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Trudi Griffin, LPC, MS. ทรูดี้ กริฟฟินเป็นผู้ให้คำปรึกษามืออาชีพที่มีใบอนุญาตในวิสคอนซิน เธอได้รับปริญญาโทด้านการให้คำปรึกษาเรื่องสุขภาพจิตจากมหาวิทยาลัยมาร์เกว็ตต์ในปี 2011 บทความนี้ถูกเข้าชม 20,437 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 20,437 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา