วิธีการ อ่อนต่อโลกให้น้อยลง

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

อาจมีใครบอกว่าคุณเป็นคน "อ่อนต่อโลก" ถ้าคุณไว้ใจคนอื่นมากเกินไปหรือขาดประสบการณ์ทางโลก[1] คนที่อ่อนต่อโลกมักจะไว้ใจคนรอบข้างมากเกินไปจนความไร้เดียงสาตามธรรมชาติของพวกเขาทำให้เขาต้องถูกโกงหรือเจ็บปวด แต่ความอ่อนต่อโลกก็ไม่ใช่คุณสมบัติที่ไม่ดีเสมอไป มันอาจจะช่วยให้คุณเป็นคนมองโลกในแง่ดีและกล้าเสี่ยงมากขึ้น [2] อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณอยากอ่อนต่อโลกให้น้อยลง คุณจะต้องเปิดตัวเองสู่ประสบการณ์ต่างๆ ให้มากขึ้นแทนที่จะคอยหลบมัน และคุณยังต้องรอบคอบเวลาเข้าสังคมให้มากกว่าเดิมด้วย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

เปิดดวงตาสู่โลกกว้าง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 พบปะผู้คนที่มีภูมิหลังต่างกัน.
    บางครั้ง คนเราถูกคนอื่นมองว่าเป็นคนอ่อนต่อโลกก็เพราะว่าโลกทัศน์ของเราแคบหรือมีประสบการณ์ชีวิตที่จำกัด การออกไปข้างนอกและได้พูดคุยกับผู้คนที่มีชีวิตต่างกันอย่างสิ้นเชิงสามารถเป็นประสบการณ์ที่ช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างที่ซ่อนอยู่ในโลกใบดีได้ดีขึ้น [3]
    • คุณอาจจะอ่อนต่อโลกเพราะว่าคุณเติบโตมาอย่างสุขสบายและไม่มีโอกาสได้เห็นคนที่ลำบากกว่าคุณ การมีเพื่อนจากภูมิหลังทางสังคมและเศรษฐกิจที่ต่างกันจะช่วยให้คุณรู้ว่าคุณโชคดีแค่ไหน
    • คนที่เติบโตในเมืองเล็กๆ มักจะไม่รู้จักวิถีชีวิตในเมืองมากนัก การไปเที่ยวในเมืองและการคบหากับคนที่อยู่ที่นั่นจะทำให้คุณเข้าใจสิ่งต่างๆ มากขึ้น และทำให้คุณรู้จักโลกที่ต่างไปจากที่คุณอยู่ด้วย
    • มิตรภาพระหว่างคนที่มาจากวัฒนธรรมที่ต่างกันช่วยให้คุณมีความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ทุกคนมากขึ้น เคารพความเชื่อและธรรมเนียมปฏิบัติของวัฒนธรรมอื่นๆ[4]
    • คุณอาจจะลองเข้าร่วมชมรมวัฒนธรรมในชุมชนของคุณ หรือเรียนภาษาต่างประเทศ ถ้าคุณรู้จักคนที่มาจากวัฒนธรรมและภูมิหลังอื่น ให้ถามคำถาม (แน่นอนว่าอย่างสุภาพ) เกี่ยวกับธรรมเนียม มุมมอง และประสบการณ์ของเขา ยิ่งคุณเต็มใจรับฟังมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งได้เรียนรู้มากเท่านั้น
  2. How.com.vn ไท: Step 2 หาประสบการณ์ใหม่ๆ.
    คนที่อ่อนต่อโลกบางคนเป็นอย่างนั้นเพราะว่าเขาถูกเลี้ยงมาในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย พ่อแม่ของคุณอาจจะไม่อนุญาตให้คุณไปปาร์ตี้หรือไปเที่ยวกับเด็กวัยไล่เลี่ยกับคุณ คุณก็เลยขาดประสบการณ์บางอย่างไป
    • ชดเชยเวลาที่เสียไปด้วยการทำกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นทุกอย่างที่คุณนึกออกเพื่อเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อโลกและผู้คนในโลกใบนี้ ไปกระโดดร่ม เดินป่า/ตั้งแคมป์ในอุทยานแห่งชาติ เขียนนิยาย หรือเรียนภาษาใหม่
    • ประสบการณ์ใหม่ๆ กระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์สมองใหม่[5] เพราะฉะนั้น นอกจากคุณจะได้สั่งสมพฤติกรรมใหม่และรวบรวมเรื่องราวไว้เล่าให้คนอื่นฟังแล้ว การออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ ยังดีต่อสุขภาพสมองของคุณด้วย
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ออกจากพื้นที่ปลอดภัย.
    เวลาที่คุณทำอะไรแบบเดิมๆ อยู่เสมอ การที่จู่ๆ จะเปลี่ยนทิศทางการเดินเรือของชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก แต่คุณจะไม่มีวันรู้เลยว่าคุณมีพรสวรรค์มากแค่ไหนหรือมีความสามารถในเรื่องอะไรถ้าคุณไม่ออกจากกรอบที่คุณเคยอยู่
    • อย่ายึดติดกับการใช้ชีวิตแบบเดิมๆ เพียงเพราะว่าคุณรู้สึกสบายใจ แสวงหาสิ่งพิเศษในทุกๆ ความอุตสาหะของคุณ แล้วระหว่างนั้นคุณจะรู้จักโลกมากขึ้น
    • การก้าวออกจากพื้นที่ปลอดภัยอาจช่วยให้คุณได้เพิ่มพลังให้กับชีวิตและได้เชื่อมโยงกับมุมใดมุมหนึ่งในตัวคุณที่ยังคงหลับใหลอยู่จนถึงตอนนี้ การไขว่คว้าโอกาสใหม่ๆ ที่ท้าทายจะทำให้คุณมีพลังในการใช้ชีวิตมากขึ้น มีความคิดสร้างสรรค์และมีความพอใจมากขึ้น[6]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ออกไปเที่ยวให้มากขึ้น.
    ไม่ว่าจะไปแค่จังหวัดข้างๆ หรือรอบโลก การได้ไปเยือนสถานที่ใหม่ๆ ทำให้โลกเล็กลง คุณจะได้สลัดคราบ "หน่อมแน้ม" ออกทันทีและกลายเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการท่องเที่ยวมากขึ้น[7]
    • คนที่อ่อนต่อโลกอาจจะไม่ได้ฝึกฝนทักษะสังคมมากนัก ทำให้พวกเขายิ่งไม่ค่อยออกไปพบปะผู้คนสักเท่าไหร่ แต่การเดินทางท่องโลกจะทำให้คุณได้ฝึกทักษะสังคม เปลี่ยนมุมมองและวิธีการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นทั้งในระดับท้องถิ่นและสากล
    • เช่น การไปเที่ยวคนเดียวจะช่วยปลุกสัญชาตญาณตามธรรมชาติของคุณและความท้าทาย เพราะฉะนั้นตอนที่คุณกลับบ้าน การหาเพื่อนใหม่ การไปนั่งรับประทานอาหารในร้านอาหารคนเดียว หรือการไปดูหนังคนเดียวจะง่ายขึ้นมาก นอกจากนี้ การบินเดี่ยวยังเพิ่มความมั่นใจและทำให้คุณไม่นึกถึงเพื่อนร่วมทางมากนัก ซึ่งเพิ่มโอกาสให้คุณได้พบปะผู้คนใหม่ๆ และเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น[8]
    • คุณต้องตั้งมั่นที่จะเปิดใจให้กับประสบการณ์ใหม่ๆ "ความรู้สึกสับสนต่อวัฒนธรรมที่ไม่คุ้นเคย" นั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริงและอาจส่งผลต่อความรู้สึกของคุณมากกว่าคนอื่นถ้าคุณเป็นคนค่อนข้างอ่อนต่อโลก คุณต้องยอมรับว่า เวลาที่คุณไปเที่ยวนั้น คุณอาจจะเจอประสบการณ์และผู้คนที่แตกต่างกันมากๆ และนั่นอาจจะทำให้คุณมีช่วงเวลาที่ประสบการณ์ของคุณทำให้คุณรู้สึกอึดอัด ซึ่งทั้งหมดนั่นคือการเรียนรู้ชีวิตในต่างถิ่นนั่นเอง
  5. How.com.vn ไท: Step 5 เป็นอาสาสมัคร.
    การช่วยเหลือผู้ยากไร้ช่วยให้คุณเห็นมุมใหม่ๆ ของชีวิต เช่นเดียวกับการคบหาคนที่มีภูมิหลังแตกต่างกัน การเป็นอาสาสมัครนอกจากจะช่วยให้คุณก้าวพ้นจากการเป็นคนด้อยประสบการณ์แล้ว ความพยายามของคุณยังช่วยแก้ปัญหาและพัฒนาชุมชนอีกด้วย
    • เชื่อหรือไม่ว่า การเป็นอาสาสมัครนั้นยังดีต่อสุขภาพของคุณด้วย มันส่งผลกระทบในด้านดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต ทำให้คนเรารู้สึกเหมือนมีเป้าหมายและได้รับการเติมเต็มมากยิ่งขึ้น
    • ลองดูว่าคุณต้องให้อะไรกับงานอาสาสมัครบ้าง งานอาสาสมัครหลายอย่างไม่ต้องใช้ทักษะอะไรเป็นพิเศษ แต่ถ้าคุณเก่งคอมพิวเตอร์หรือเป็น "คนเข้ากับคนอื่นได้ง่าย" คุณอาจจะเจองานอาสาสมัครที่เข้ากับทักษะและบุคลิกของคุณ[9]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ระมัดระวังเรื่องการเข้าสังคมให้มากขึ้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ตื่นตัวกว่าเดิม.
    เมื่อคุณออกไปพบปะผู้คนข้างนอกแล้ว คุณจะยิ่งรู้ว่าไม่ว่าคุณจะอยู่ไหน มันก็จะมีทั้งคนดีและคนเลว คอยสังเกตว่าคนรอบตัวคุณเป็นคนแบบไหน
  2. How.com.vn ไท: Step 2 สังเกตว่าเขาไว้ใจได้หรือไม่.
    สังเกตคนที่รู้จักกันใหม่ๆ ให้ดีก่อนที่จะตัดสินว่าเขาเป็นคนซื่อสัตย์หรือไม่ ให้ถือว่าเขาเป็นคนดีไว้ก่อนจนกว่าเขาจะแสดงธาตุแท้ให้เห็นว่าเขาเป็นคนไว้ใจไม่ได้
    • ถ้าคุณมีแนวโน้มที่จะสนิทกับใครมากและเร็วเกินไป แรกๆ ให้พาใครสักคนไปพบปะคนที่คุณเพิ่งรู้จักก่อน คุณจะได้มีความคิดเห็นที่สองก่อนจะเริ่มต้นมิตรภาพหรือความสัมพันธ์ใหม่ๆ
    • หากใครที่คุณรู้จักมานานเกิดทำอะไรที่ทำร้ายจิตใจคุณ ให้ใช้ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาตัดสินว่าควรทำอย่างไร หากเขาไว้ใจได้และเขารู้สึกเสียใจจริงๆ ก็ให้โอกาสเขาอีกครั้ง หรือไม่งั้นก็ต้องตัดสินใจว่าความสัมพันธ์นี้คงไม่ยั่งยืน
  3. How.com.vn ไท: Step 3 หาสัญญาณของความไม่ซื่อสัตย์.
    การได้พบคนใหม่ๆ อาจทำให้ใจสดชื่นและตื่นเต้น แต่คุณต้องสังเกตสัญญาณบางอย่างที่บอกว่าคนๆ นั้นอาจจะไม่ได้เห็นแก่ประโยชน์ของคุณอย่างแท้จริง
    • ไม่ใช่คนหลอกลวงทุกคนจะหลบตาเวลาโกหก คนหลอกลวงที่มีประสบการณ์มากที่สุดสามารถสบตาได้แม้กระทั่งตอนที่กำลังหลอกลวงคนอื่นอยู่
    • อารมณ์กระสับกระส่ายอาจเป็นสัญญาณของความไม่ซื่อสัตย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันเกิดขึ้นเฉพาะระหว่างเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งหรือเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากกว่าจะเป็นนิสัยโดยทั่วไป[10]
    • ภาษากายอื่นๆ ที่บ่งบอกถึงความไม่ซื่อสัตย์ ได้แก่ กระแอมในลำคอหรือกลืนน้ำลายบ่อยๆ เอามือไว้แถวๆ ต้นคอ (เช่น เล่นสร้อยคอ) เอนตัวไปข้างหลัง หรือไม่แสดงท่าทาง "การเน้นความหมาย" เช่น การชี้หรือเอียงศีรษะไปมา ไม่มีสัญญาณไหนที่จะระบุได้ชัดเจนว่าเขากำลังโกหก และหลายพฤติกรรมที่ว่ามานี้ก็อาจเป็นแค่สัญญาณของความประหม่า แต่ถ้าคุณเห็นหลายๆ สัญญาณพร้อมกัน นั่นอาจบ่งบอกว่าเขากำลังโกหก[11]
    • ระวังคนที่เพิ่งรู้จักกันใหม่ๆ ที่สนใจในตัวคุณมากเป็นพิเศษ คนที่พยายามจะรู้จักคุณมากเกินไปและเร็วเกินไปนั้นอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขาสนใจชีวิตส่วนตัว งาน หรือสถานภาพทางการเงินของคุณ คนเหล่านี้อาจจะเป็นเพื่อนกับคุณโดยมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ฟังให้มากขึ้น พูดให้น้อยลง.
    เข้าร่วมวงสนทนาในระดับผิวเผินจนกว่าคุณจะรู้สึกสบายใจที่ได้คุยกับคนที่เพิ่งรู้จักกันใหม่ๆ ฟังให้มากขึ้นว่าอีกฝ่ายพูดอะไรแทนที่จะเล่าเรื่องของตัวเองมากเกินไป นอกจากนี้ การรับฟังเพื่อนใหม่อาจเป็นประโยชน์ก็ได้ เพราะคนส่วนใหญ่ชอบพูดเรื่องของตัวเองและมักจะตื่นเต้นถ้ามีใครเต็มใจฟัง
    • เก็บความลับของคุณให้มิด คนที่อ่อนต่อโลกมักจะไว้ใจคนแปลกหน้าเร็วเกินไป อย่าให้ใครรู้จักชีวิตส่วนตัวและธุรกิจของคุณยกเว้นครอบครัวและเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้หรือคนรัก อย่าเล่าเรื่องตัวเองให้คนอื่นฟังมากจนเกินไป
    • อย่าพูดโดยไม่คิด[12] ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยคิดอะไรก่อนพูด ให้ทำอะไรสักอย่างเพื่อเลี่ยงไม่ให้คุณพูดในสิ่งที่คุณต้องเสียใจทีหลัง หยุดและไตร่ตรองคำพูดก่อนพูดออกมา
  5. How.com.vn ไท: Step 5 หัดอ่านใจคนอื่น.
    สิ่งที่คนเราพูดกับความรู้สึกลึกๆ ที่อยู่ข้างในมักเป็นอะไรที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง คำพูดนั้นเป็นแค่ 7 เปอร์เซ็นต์ของการสื่อสารทั้งหมด ที่เหลือ 55 เปอร์เซ็นต์คือภาษากาย และอีก 30 เปอร์เซ็นต์คือน้ำเสียง[13]
    • คนรู้จักของคุณเขาเอนตัวออกจากคุณแทนที่จะเข้าหาคุณหรือเปล่า นี่อาจเป็นสัญญาณว่าเขาไม่ชอบคุณ
    • คนรู้จักของคุณเขาเอามือสอดไว้ใต้ขา ในกระเป๋าเสื้อหรือกางเกง หรือไพล่หลังไว้หรือเปล่า นี่อาจเป็นสัญญาณว่าเขาไม่สนใจที่จะพูดคุยหรือมีปฏิสัมพันธ์กับคุณ
    • คอยสังเกตภาษากายที่ไม่ชัดเจน ท่าทางการทรงตัวที่อกผายปะทะกับคุณโดยตรงเป็นท่าทางที่บ่งบอกว่า เขาสบายใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
    • คนรู้จักของคุณเขาขบฟันหรือทำปากจู๋หรือเปล่า ท่าทางเหล่านี้บ่งบอกว่าเขาอาจจะรู้สึกตึงเครียดกับสถานการณ์ตรงหน้า
    • ถ้าลึกๆ แล้วคุณรู้สึกว่าคนๆ นี้มีบางอย่างแอบแฝงหรือไม่ซื่อสัตย์ ให้อยู่ห่างคนๆ นั้นทันที เรียนรู้ที่จะเชื่อสัญชาติญาณของตัวเอง
  6. Step 6 ยอมรับว่าคุณไม่สามารถ "เปลี่ยน" ใครได้.
    บางครั้งคนเราถูกมองว่าเป็นคนอ่อนต่อโลกก็เพราะเราเชื่อว่าเราสามารถ "เปลี่ยน" คนอื่นได้ด้วยการช่วยเหลือเขา รักเขา เชื่อมั่นในตัวเขา เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นความสัมพันธ์แบบหนุ่มสาว การที่จะอ่อนต่อโลกน้อยลงนั้น คุณต้องรู้ว่าแต่ละคนต้องรับผิดชอบต่อพฤติกรรมและการกระทำของเขาหรือเธอเอง
    • เช่น สัญญาณที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ฉันท์คนรักที่ไม่ดีโดยทั่วไปก็คือ การที่ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าเขาหรือเธอสามารถ "รัก" อีกฝ่ายเพื่อให้เขาเลิกพฤติกรรมที่ไม่ดีหรือเป็นคนที่ดีกว่าเดิม แม้ว่าคุณจะสนับสนุนคนรักของคุณได้ แต่คุณไม่สามารถ "เปลี่ยน" ใครได้ด้วยการมอบความรักให้
  7. How.com.vn ไท: Step 7 มั่นใจในตัวเอง.
    แม้ว่าคุณจะอ่อนต่อโลก แต่คุณก็ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สามารถมอบสิ่งดีๆ ให้แก่โลกใบนี้ได้ ที่จริงแล้วคนที่อ่อนต่อโลกอาจจะกล้าเสี่ยงและมีพลังในการใช้ชีวิตมากกว่าคนมีประสบการณ์มากกว่าที่คาดการณ์ตัวเองก่อนเสมอ เรียนรู้ที่จะยอมรับตัวตนของคุณอย่างเป็นธรรมชาติ
  8. How.com.vn ไท: Step 8 ให้เวลาตัวเอง.
    คุณไม่สามารถเปลี่ยนตัวตนที่อ่อนต่อโลกได้ในชั่วข้ามคืน ให้เวลาตัวเองสักระยะได้ปรับตัวให้สามารถแยกแยะคนรอบข้างได้มากขึ้น พักการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ สักครู่จนกว่าคุณจะสามารถตัดสินเจตนาของคนอื่นได้
    โฆษณา

คำเตือน

  • เวลาที่อยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ หรือพบคนรู้จักใหม่ๆ ให้บอกคนอื่นว่าคุณอยู่ที่ไหนเสมอด้วยการให้ที่อยู่หรือให้วิธีการติดต่อคุณในกรณีฉุกเฉิน พบคนใหม่ๆ ในที่สาธารณะเสมอ
  • ผลเสียของการให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองมากเกินไปไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะการพูดคุยแบบต่อหน้าเท่านั้น คุณต้องระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวในโซเชียลมีเดียด้วย
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Samantha Fox, MS, LMFT
ร่วมเขียน โดย:
นักบำบัดโรคที่มีใบอนุญาต
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Samantha Fox, MS, LMFT. ซาแมนธา ฟ็อกซ์ เป็นนักบำบัดสำหรับคู่สมรสและครอบครัวในคลินิกส่วนตัวในนิวยอร์ก รัฐนิวยอร์ก ด้วยประสบการณ์กว่าทศวรรษ ซาแมนธาเชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ เรื่องเพศ อัตลักษณ์ และความขัดแย้งในครอบครัว เธอยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงชีวิตสำหรับบุคคล คู่รัก และครอบครัวอีกด้วย เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทและได้รับใบอนุญาตด้านการบำบัดสำหรับคู่สมรสและครอบครัว ซาแมนธาได้รับการฝึกอบรมด้านระบบครอบครัวภายใน (IFS) จิตบำบัดแบบไดนามิกเชิงประสบการณ์เร่ง (AEDP) การบำบัดคู่รักที่เน้นทางอารมณ์ (EFT) และการบำบัดด้วยการบรรยาย บทความนี้ถูกเข้าชม 15,981 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 15,981 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา