บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Michael Corsilles, ND. ดร.คอร์ซิลล์เป็นผู้ช่วยแพทย์และนักธรรมชาติบำบัดในวอชิงตัน เขาสำเร็จการฝึกรักษาด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดจากมหาวิทยาลัยบาสไทร์ในปี 2003 และได้รับประกาศนียบัตรการเป็นผู้ช่วยแพทย์จากมหาวิทยาลัยวอชิงตันในปี 2010
มีการอ้างอิง 11 ข้อที่อ้างอิงอยู่ในบทความ ซึ่งสามารถพบได้ทางด้านล่างของบทความ
บทความนี้ถูกเข้าชม 2,562 ครั้ง
คุณอาจจะเผชิญกับอาการคลื่นไส้และอาเจียนด้วยหลายๆ เหตุผลซึ่งอาจจะเป็นเพราะการทำคีโมหรืออาจจะเป็นแค่เหตุผลธรรมดาอย่างเป็นไข้ หลายคนพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะยับยั้งตัวเองไม่ให้อาเจียนเมื่อเขารู้สึกอยากจะอาเจียนหรือคลื่นเหียน มีวิธีง่ายๆ หลายวิธีที่จะยับยั้งไม่ให้อาเจียนเอาอาหารและเครื่องดื่มออกมาเมื่อคุณป่วยอยู่
ขั้นตอน
- ทานอาหารแบบแบรทไดเอต (BRAT diet). แพทย์หลายคนแนะนำการทานอาหารแบบแบรตไดเอตซึ่งย่อมาจาก กล้วย (Bananas) ข้าว (Rice) แอปเปิ้ลซอส (Applesauce) และขนมปังปิ้ง (Toast) อาหารเหล่านี้จะช่วยให้คุณหายจากอาการคลื่นเหียนและอาเจียนเพราะว่ามันเป็นอาหารที่มีไฟเบอร์ต่ำและย่อยง่ายและช่วยทดแทนคุณค่าทางอาหารที่เสียไป[1] อย่างไรก็ตามสถาบัน The American Academy of Pediatrics (AAFP) ไม่แนะนำให้เด็กๆ ทานอาหารแบบแบรทไดเอต แต่แนะนำให้เด็กๆ ทานอาหารที่ปกติที่เหมาะกับอายุและมีความสมดุลภายใน 24 ชั่วโมงเมื่อเริ่มป่วย[2]
- อาหารอื่นๆ ที่ย่อยง่ายได้แก่
- แครกเกอร์: แครกเกอร์ saltines แครกเกอร์ oyster แครกเกอร์ข้าว หรือแครกเกอร์อื่นๆ ที่ทำมาจาก "แป้งขัดขาว"
- มันฝรั่งต้ม
- เส้นบะหมี่/พาสต้า: บะหมี่ไข่ธรรมดา หรือบะหมี่ราเมง หลีกเลี่ยงโฮลวีต
- เจลาติน: ใช้ยี่ห้อใดก็ได้ รสชาตินั้นตามใจชอบเลย[3]
- ค่อยๆเพิ่มอาหารที่ย่อยยาก. เมื่อคุณสามารถทานอาหารที่ย่อยง่ายๆ เช่น น้ำซุป ข้าว กล้วย และขนมปังปิ้ง ก็ควรเพิ่มอาหารที่ย่อยยากเมื่อคุณรู้สึกดีขึ้น การทำเช่นนี้จะช่วยลดอาการคลื่นเหียนและอาเจียนและจะไม่ทำให้กระเพาะของคุณทำงานหนักไป[4]
- ตัวอย่างของอาหารที่ย่อยยากขึ้นที่คุณสามารถลองทานได้เมื่อรู้สึกดีขึ้น ได้แก่ ซีเรียล ผลไม้ ผักสุก ไก่ เนยถั่วเนื้อครีม และพาสต้าขาวโดยที่ไม่ใส่ซอส[5]
- หลีกเลี่ยงอาหารที่จะทำให้กระเพาะระคายเคือง. เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทานอาหารที่อ่อนโยนต่อกระเพาะในช่วงเวลานี้ หลีกเลี่ยงอาหารอย่างผลิตภัณฑ์จากนมและอาหารที่มีรสจัดก็จะสามารถป้องกันไม่ให้อาเจียนได้[6]
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารทอดน้ำมัน ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณได้อาเจียนมา ชีสเบอร์เกอร์ที่มีแต่น้ำมันก็จะยิ่งกระตุ้นอาการคลื่นเหียนของคุณและก็จะทำให้คุณอยากอาเจียนมากขึ้น[7]
- อยู่ห่างจากอาหารรสจัด เช่น แกง พริก ปีกไก่บัฟฟาโร่วิง หรือบาร์บีคิว[8]
- ผลิตภัณฑ์จากนม เช่น นมสด โยเกิร์ต และชีส ก็จะทำให้คุณคลื่นเหียนและอาเจียนหนักกว่าเดิม[9]
- อาหารที่มีน้ำตาลสูงเช่น คุ้กกี้และเค้กก็จะกระตุ้นให้คลื่นเหียนและอาเจียนกว่าเดิม[10]
- หลีกเลี่ยงขนมปัง ซีเรียล และพาสต้าที่ทำจากโฮลเกรนจนกว่าอาการคลื่นเหียนของคุณจะหายไป [11]
- ถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืชนั้นจะทำให้กระเพาะของคุณระคายเคืองได้[12]
- ดื่มน้ำสะอาดเยอะๆ. ทำร่างกายให้ชุ่มชื้นเมื่อคุณอาเจียนหรือป่วย การดื่มน้ำสะอาดเยอะๆ จะช่วยให้ร่างหายของคุณชุ่มชื้นและบรรเทาอาการที่กระเพาะและบรรเทาอาการคลื่นเหียน[13]
- ของเหลวนั้นสำคัญกว่าอาหารที่เคี้ยวได้ ร่างกายนั้นที่ขาดน้ำมากจากปัญหาอย่างการอดอาหารนั้นจะเป็นปัญหาได้ อาหารหลายชนิดนั้นมีของเหลวเยอะ เช่น เจลาติน กล้วย หรือข้าว
- คุณสามารถดื่มเครื่องดื่มอะไรก็ได้ที่ใสๆ หรือดื่มน้ำบริสุทธิ์ที่อยู่ในอุณหภูมิห้อง เช่น น้ำแข็ง ซุป น้ำขิง หรือไอซ์ป๊อป[14]
- น้ำเปล่า น้ำผลไม้ที่ไม่มีเนื้อ น้ำซุป โซดาใสๆ เช่นโซดารสขิง หรือสไปรท์ ชา และหวานเย็น นั้นจะช่วยให้ร่างกายของคุณคงความชุ่มชื้นและป้องกันไม่ให้คุณอาเจียน[15]
- เครื่องดื่มสำหรับนักกีฬาหรือเครื่องดื่มที่มีเกลือแร่อย่างอิเล็กทรอไลต์จะช่วยทดแทนสารอาหารและจะทำใกระเพาะของคุณอยู่ตัวเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม อย่าทานมากเกินไป ให้ละลายมันอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง หรือเมื่อจิบเครื่องดื่มเหล่านี้ ก็ดื่มน้ำเปล่าตามไปด้วยทุกจิบ ปกติแล้วเครื่องดื่มเกลือแร่สำหรับนักกีฬานั้นมีความเข้มข้นมากเกินไป การนำไปละลายก่อนจะทำให้กระเพาะย่อยได้ง่ายกว่า [16]
- ต้มชาขิงหรือชาสะระแหน่. มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ยืนยันว่าชาขิงและชาสะระแหน่นั้นจะช่วยบรรเทาอาการคลื่นเหียนและอาเจียน[17] ให้ลองต้มชาขิงหรือชาสะระแหน่เพื่อบรรเทาที่กระเพาะและทำให้กระเพาะเป็นปกติและเพื่อให้ร่างกายชุ่มชื้น[18]
- คุณสามารถต้มชาเองได้โดยซื้อถุงชาขิงหรือชาสะระแหน่ที่มีขายทั่วไปหรือใช้ใบสะระแหน่ 2-3 ใบหรือขิง 1 ชิ้นแช่ในน้ำเดือด[19]
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่จะทำให้คลื่นเหียนและอาเจียน. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มอะไรก็ตามที่ย่อยยาก การดื่มเครื่องดื่มอย่างแอลกอฮอล์ กาแฟ หรือนมก็จะทำให้อาการคลื่นเหียนแย่ลงและจะทำให้คุณอาเจียน[20]
- อย่าใส่ครีมลงไปในชาที่คุณดื่ม[21]
โฆษณา
- ให้รอเพื่อรับประทานอาหารจนกระทั่งคุณหยุดอาเจียน. มันดูเหมือนเป็นเรื่องที่เรารู้กันอยู่แล้ว แต่โชคร้ายที่บางคนบางครั้งก็เร่งรีบทานอาหารก่อนที่จะกระเพาะจะพร้อม หากคุณอาเจียนอยู่ตลอด ให้รอเพื่อที่จะทานอาหารอีกครั้งจนกระทั่งคุณสามารถทานมันโดยไม่อาเจียนออกมา ให้ดื่มเป็นเครื่องดื่มใสๆ แทนหรือเครื่องดื่มที่มีแร่อิเล็กทรอไลต์เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายของคุณขาดน้ำ[22]
- ให้ทานอาหารหลังจากที่คุณไม่ได้อาเจียนมาเป็นเวลา 6 ชั่วโมงแล้วเท่านั้น[23]
- หากคุณรู้สึกคลื่นไส้เมื่อคุณเห็นหรือนึกถึงอาหาร ก็ไม่ควรทานอาหารเข้าไป. บางครั้งร่างกายของเราฉลาดกว่าสมอง หากคุณรู้สึกคลื่นเหียนเพียงแค่นึกถึงอาหารบางอย่าง ก็มีโอกาสที่คุณจะอาเจียนอีก มีองค์ประกอบของจิตใจเกี่ยวกับการที่ร่างกายเกิดความรู้สึกคลื่นไส้ และก็เป็นเรื่องที่ยากมากๆ ที่จะเอาชนะ หากคุณรู้สึกคลื่นไส้เพียงแค่นึกถึงการทานกล้วยสักลูก แต่ถ้ารู้สึกไม่เป็นไรกับข้าวชามเล็กๆ คุณก็ควรทานข้าว
- ทานอาหารที่ย่อยง่ายๆ. อาหารบางอย่าง เช่น ผลิตภัณฑ์จากนม จะกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียน การทานอาหารที่ย่อยง่ายๆ ก็จะช่วยคุณยับยั้งและบรรเทาอาการอาเจียน[24]
- เมื่อคุณสามารถทานอาหารแบบแบรทไดเอทได้หรืออาหารย่อยง่ายอื่นๆ เช่น มันฝรั่งต้มและซุปใส คุณก็สามารถเพิ่มอาหารที่ย่อยยากขึ้นเมื่อคุณรู้สึกดีขึ้น
- ทานอาหารมื้อเล็กๆ และเคี้ยวอาหารให้ละเอียด. ขณะที่คุณทานอาหารที่ย่อยง่ายๆ หรืออาหารจืดๆ ให้แบ่งเป็นอาหารมื้อเล็กๆ ตลอดทั้งวันและขอให้แน่ใจว่าคุณเคี้ยวอาหารอย่างละเอียดและเคี้ยวช้าๆ นี่จะช่วยลดอาการคลื่นเหียนและยับยั้งไม่ให้อาเจียน[25]
- เริ่มต้นด้วยขนมปังปิ้งสักแผ่นหรือกล้วยสักผล เพิ่มอาหารที่ย่อยง่ายอื่นๆ ที่คุณสามารถทานได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณสามารถทานขนมปังปิ้งโดยไม่อาเจียนออกมาได้และยังคงรู้สึกหิวอยู่ ก็ลองทานกล้วยเพิ่มเข้าไปประมาณครึ่งชั่วโมงหรือ 1 ชั่วโมงต่อมา
- การเคี้ยวอาหารให้ละเอียดจะช่วยกระเพาะอาหารไม่ต้องทำหน้าที่ในการย่อย
- การกินคำเล็กๆ จะช่วยให้คุณเคี้ยวอาหารละเอียดขึ้น ขั้นตอนนี้จะช่วยให้คุณเห็นว่าคุณสามารถทานอาหารได้ง่ายขึ้นมากกว่าคุณยัดทุกอย่างลงกระเพาะ
- จิบน้ำ. นี่เป็นสิ่งสำคัญพอๆ กับการทานอาหารคำเล็กๆ การจิบน้ำเล็กๆ นั้นจะช่วยคุณได้มากเพราะมันจะทำให้ไม่มีของในกระเพาะมากเกินไปและทำให้เกิดอาการคลื่นเหียน[26]
- ดื่มน้ำ 120-240 มิลลิลิตร ทุกๆ ชั่วโมงหรือแค่ 30-60 มิลลิลิตรต่อครั้ง. การทำเช่นนี้จะช่วยให้ร่างกยของคุณชุ่มชื้นโดยที่ไม่เพิ่มความเสี่ยงที่จะอาเจียนหรือมีภาวะเกลือโซเดียมต่ำในร่างกาย[27]
- หากคุณไม่สามารถทนการจิบน้ำได้ ลองดูดไอซ์ชิปจนกว่าคุณจะสามารถดื่มน้ำ 30-60 มิลลิลิตรต่อครั้งโดยที่ไม่อาเจียนออกมาได้[28]
โฆษณา
- รู้ว่ายาชนิดใดบ้างที่จะทำให้กระเพาะระคายเคือง. ยาบางชนิด เช่น oxycodone สามารถทำให้กระเพาะระคายเคืองและทำให้คลื่นเหียน หากคุณทานยาใดๆ ก็ตามที่จะทำให้กระเพาะระคายเคือง ให้พูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับการเลิกใช้ยาจนกว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้น[29]
- พักผ่อนให้เพียงพอ. ในหลายกรณี เพียงแค่พักผ่อนนั้นก็สามารถช่วยบรรเทาอาการคลื่นเหียนและอาเจียนได้ ให้นอนให้บ่อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่รับประทานอาหารเพื่อช่วยให้อาหารอยู่ในกระเพาะและไม่อาเจียนออกมา[32]
- การทำกิจกรรมมากเกินไปนั้นจะทำให้คลื่นไส้และอาเจียนแย่ลงโดยการทำให้กระเพาะไม่อยู่นิ่งๆ[33]
- ลองทานยาแก้เมารถและยาแก้แพ้. หากคุณไม่สามารถยับยั้งไม่ให้อาเจียนออกมาได้เพราะว่าเมารถ ลองพิจารณาการทานยาแก้เมารถหรือยาแก้แพ้ มันจะช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้และอาเจียนและจะทำให้คุณทานอาหารได้[34]
- คุณอาจจะลองทานยาแก้แพ้ที่สามารถซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป เช่น dimenhydrinate เพื่อยับยั้งไม่ให้อาเจียน ให้ทำตามคำสั่งของแพทย์หรือวิธีการใช้งานที่อยู่ที่ผลิตภัณฑ์[35]
- หากคุณมีอาการคลื่นเหียนและอาเจียนอย่างรุนแรง แพทย์ของคุณอาจจะจ่ายยา scopolamine ซึ่งจะมาในรูปแบบของแผ่นแปะยา[36] scopolamine สามารถใช้ได้ในผู้ใหญ่เท่านั้น[37]
- บรรเทาอาหารคลื่นไส้ด้วยการกดจุด วิธีนี้สามารถช่วยได้และไม่จำเป็นต้องใช้ยาหรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับยาแผนตะวันออกเลย
- ไปพบแพทย์. หากคุณมีอาการคลื่นเหียน อาเจียน หรือไม่สามารถทานอาหารหรือน้ำได้เลยโดยที่ไม่ควบคุมเป็นระยะหนึ่งได้ คุณควรไปพบแพทย์ แพทย์จะช่วยหาสาเหตุและตัดสาเหตุที่เป็นปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงออกไปและจะได้วางแผนการรักษาเพื่อช่วยให้คุณยับยั้งการอาเจียนได้โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://familydoctor.org/familydoctor/en/prevention-wellness/food-nutrition/weight-loss/brat-diet-recovering-from-an-upset-stomach.printerview.html
- ↑ http://www.aafp.org/afp/2012/0601/p1066.html
- ↑ http://www.mayoclinic.org/symptoms/nausea/basics/when-to-see-doctor/sym-20050736
- ↑ http://www.mayoclinic.org/symptoms/nausea/basics/when-to-see-doctor/sym-20050736
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000068.htm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/symptoms/nausea/basics/when-to-see-doctor/sym-20050736
- ↑ http://www.mayoclinic.org/symptoms/nausea/basics/when-to-see-doctor/sym-20050736
- ↑ http://www.mayoclinic.org/symptoms/nausea/basics/when-to-see-doctor/sym-20050736
- ↑ http://familydoctor.org/familydoctor/en/prevention-wellness/food-nutrition/weight-loss/brat-diet-recovering-from-an-upset-stomach.printerview.html
- ↑ http://familydoctor.org/familydoctor/en/prevention-wellness/food-nutrition/weight-loss/brat-diet-recovering-from-an-upset-stomach.printerview.html
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000068.htm
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000068.htm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/symptoms/nausea/basics/when-to-see-doctor/sym-20050736
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000205.htm
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000205.htm
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000205.htm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/tests-procedures/chemotherapy/expert-answers/ginger-for-nausea/faq-20057891
- ↑ http://everydayroots.com/nausea-remedies
- ↑ http://everydayroots.com/nausea-remedies
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000205.htm
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000205.htm
- ↑ http://familydoctor.org/familydoctor/en/prevention-wellness/food-nutrition/weight-loss/brat-diet-recovering-from-an-upset-stomach.printerview.html
- ↑ http://www.mayoclinic.org/symptoms/nausea/basics/when-to-see-doctor/sym-20050736
- ↑ http://familydoctor.org/familydoctor/en/prevention-wellness/food-nutrition/weight-loss/brat-diet-recovering-from-an-upset-stomach.printerview.html
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000068.htm
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000205.htm
- ↑ http://www.healthyhorns.utexas.edu/ht_nausea.html
- ↑ http://www.healthyhorns.utexas.edu/ht_nausea.html
- ↑ http://goaskalice.columbia.edu/im-vomiting-and-cant-keep-anything-down-help
- ↑ https://provider.ghc.org/open/caringForOurMembers/patientHealthEducation/conditionsDiseases/nauseaMedicine.pdf
- ↑ https://provider.ghc.org/open/caringForOurMembers/patientHealthEducation/conditionsDiseases/nauseaMedicine.pdf
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/003117.htm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/symptoms/nausea/basics/when-to-see-doctor/sym-20050736
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/003117.htm
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/003117.htm
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/003117.htm
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/003117.htm
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/003117.htm
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/003117.htm
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/003117.htm
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/003117.htm
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.