ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความX
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Devin Fisher, CCC-SLP. เดวิน ฟิชเชอร์เป็นนักแก้ไขการพูดอยู่ที่ลาสเวกัส รัฐเนวาดา เดวินเชี่ยวชาญในการบำบัดการพูดและการใช้ภาษาให้แก่ผู้ที่มีภาวะเสียการสื่อความ การกลืนผิดปกติ เสียงผิดปกติ พูดไม่ชัด บกพร่องในการใช้ภาษาพูด ภาษากาย และเสียงในการสื่อความหมาย กล้ามเนื้อเกี่ยวกับการพูดผิดปกติ จังหวะการพูดผิดปกติ นอกจากนี้เดวินยังรักษาภาวะการสื่อสารบกพร่องเนื่องจากการรู้คิดผิดปกติ พัฒนาการด้านภาษาล่าช้า และโรคพาร์กินสัน เขาได้รับปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิตและวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาการแก้ไขการพูดจากมหาวิทยาลัยฟอนต์บอนน์ เดวินยังจัดทำเว็บไซต์และบล็อกที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดเพื่อแก้ไขการพูดสำหรับเป็นแหล่งทรัพยากรและข้อมูลแก่แพทย์และผู้ที่สนใจ
บทความนี้ถูกเข้าชม 25,112 ครั้ง
การพูดให้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพจะช่วยให้สื่อความคิดความต้องการได้ถูกต้องและง่ายยิ่งขึ้น โดยการพูดนั้นจะต้องพูดให้ช้าลง ออกเสียงแต่ละพยางค์ให้ชัดเจน และฝึกเลือกสรรคำในการพูด แบ่งเวลามาฝึกพูดและควบคุมตนเองให้ได้หากยังรู้สึกประหม่าหรือไม่มั่นใจ
ขั้นตอน
หายใจเข้าลึกๆ. ทำตัวเองให้ผ่อนคลายก่อนจะเริ่มพูด เพราะฉะนั้นปอดจะต้องไม่ขาดอากาศ กลั่นกรองความคิดก่อน-โดยไม่พูดทุกอย่างที่คิด ถ้าคุณพูดไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้เตรียมตัวก่อน อาจจะทำให้พูดเร็วเกินไปและพูดไม่ชัด ควรใช้เวลาเตรียมความพร้อมก่อนแล้วค่อยเริ่มพูดอย่างมีสติ
พูดให้ชัดถ้อยชัดคำ. ออกเสียงแต่ละพยางค์ให้แยกจากกันชัดเจน อย่างเช่น ซิล-ลา-เบิ้ล เริ่มแรกให้พยายามพูดช้าๆ ให้เสียงของแต่ละพยางค์ชัดเจนและแยกจากกัน แล้วค่อยๆ เพิ่มความเร็วการพูดและการเว้นวรรคระหว่างคำแต่ละคำจนกว่าจะพูดได้เหมือนปกติ[1]- ต้องมั่นใจว่าสามารถออกเสียงลงท้ายพยัญชนะ อย่างเช่น ‘t’ และ ‘b’ แล้วเสียงสระแต่ละตัวที่แตกต่างกันได้อย่างถูกต้อง
- อย่าเพิ่งคาดหวังว่าคุณจะพูดได้อย่างดีเยี่ยมในเวลาสั้นๆ เพราะคุณอาจจะต้องใช้เวลาฝึกหลายชั่วโมงต่อวัน และฝึกพูดคำที่ยากขึ้นไปเรื่อยๆ
- ฝึกเวลาอยู่คนเดียว เช่น ในรถ ขณะเดินเล่น ตอนทำความสะอาดบ้าน ถักไหมพรม หรือยืนพูดหน้ากระจก โดยอาจเริ่มจากการพูดแต่ละพยางค์ในบทสนทนาให้ช้าลง แล้วคุณจะพัฒนาการพูดได้ดีขึ้นถ้าคุณให้เวลากับการฝึกพูดนี้อย่างจริงจัง
พูดให้ช้าลง. เป็นวิธีที่ได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อ สำหรับการพูดเปล่งเสียงออกจากปากให้ช้าลงสัก 1-2 วินาที ให้ชัดๆ เพราะการมีช่วงหยุดพักเว้นวรรคในการพูดเป็นวิธีที่ดี จะทำให้ผู้ฟังย่อยหรือจับใจความเนื้อหาที่เพิ่งพูดไปได้ทัน[2]โฆษณา
ฝึกไวยากรณ์. หากคุณใช้ไวยากรณ์ได้ไม่ดี ความคิดและไอเดียของคุณจะไม่ถูกสื่อออกมาได้อย่างที่ต้องการ พูดให้เหมือนกับว่าคุณกำลังเขียนบทความหรือเขียนจดหมาย : ต้องมีความอดทน, สม่ำเสมอ และแม่นยำถูกต้อง- หลีกเลี่ยงการพูดประโยคแบบรวบๆ หากคุณปล่อยให้ตัวเองพูดไปเรื่อยเปื่อย ผู้ฟังจะพลาดจุดสำคัญไปได้ เพราะฉะนั้นควรใช้เวลาตกผลึกความคิดก่อนพูดออกมา[3]
สะสมคลังคำศัพท์. การพูดคำที่สื่อได้สมบูรณ์เพียงคำเดียวนั้น สามารถสื่อให้เข้าใจง่ายกว่าการที่ตื่นเต้นแล้วพูดอ้อมวกวนไปมา พยายามเลือกคำที่ดีที่สุด – แล้วนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ระวังอย่าเลือกใช้คำผิดหรือคำที่ไม่เกี่ยวกับบริบท; บางทีคุณอาจจะไม่ค่อยเข้าใจว่าต้องการจะสื่ออะไรออกไปกันแน่ แต่ก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไป- พิจารณาให้รอบคอบก่อน โดยคุณต้องมั่นใจก่อนว่าผู้ที่ฟังคุณอยู่จะเข้าใจคำที่คุณพูดออกไป นึกถึงผู้ฟังให้มาก ใช้คำที่เข้าใจง่ายๆ หากเป็นไปได้
- การอ่านเป็นวิธีที่ดีในการช่วยเพิ่มคลังคำศัพท์ โดยอ่านหนังสือ, บทความ, เรียงความ; อ่านอะไรก็ได้ที่สนใจ รวมถึงอ่านสิ่งที่ปกติไม่ได้อ่าน หากเจอศัพท์ที่ไม่รู้จักให้ค้นหาทันที
- ลองรวบรวมคำที่เป็นประโยชน์ หรือคำคม หากนำมาพูด จะช่วยให้การพูดดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น และทำให้เลือกคำมาใช้ในการพูดได้ดียิ่งขึ้น
คิดก่อนพูด. หากคุณเตรียมคำพูดไว้แล้ว ความเสี่ยงที่จะพูดออกนอกประเด็นก็จะน้อยลง ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้เตรียมคำพูดที่แน่นอนไว้ก่อน แต่ก็สามารถฉุกคิดขึ้นมาก่อนที่จะพูดออกไปได้- พูดในใจก่อนพูดออกเสียงออกมาทำให้มั่นใจได้ว่าออกเสียงถูกต้อง
พูดให้มีเสียงสูงต่ำ. ประโยคคำถามควรใช้เสียงสูงในตอนท้าย คำพูดที่พูดออกมาควรเน้นเสียงในส่วนที่สำคัญหรือบทสรุป โดยสังเกตว่าพยางค์หรือคำไหนควรเน้น และพยายามเน้นหรือดัดเสียงให้มากๆ หากต้องอ่านหนังสือนิทานให้เด็กน้อยฟัง[4]โฆษณา
ฝึกการพูดให้เหมือนเจ้าของภาษา. หากคุณพบว่ามีวลีตัวบางที่ออกเสียงยาก อาจแก้ปัญหาโดยการนำมาฝึกพูดในชีวิตประจำวัน โดยเริ่มจากพูดช้าๆ แล้วค่อยๆ ปรับให้เร็วจนเท่าความเร็วปกติ สังเกตพยางค์ที่เป็นปัญหา: โดยหากพบว่ามีปัญหาเรื่องการออกเสียง “B” ให้พยายามฝึกคำที่มีเสียง “B” ให้ถูกต้องตามแบบเจ้าของภาษา[5]- สำหรับคำที่มีตัว “B” อาจลองฝึกจาก: Bill had a billboard. Bill also had a board bill. The board bill bored Bill, so Bill sold his billboard and paid his board bill. Then the board bill no longer bored Bill, but though he had no board bill, neither did he have his billboard!
- สำหรับคำที่มีตัว “D” อาจลองฝึกจาก: Did Doug dig David's garden or did David dig Doug's garden? or Do drop in at the Dewdrop Inn.
- สำหรับคำที่มีตัว “F” อาจลองฝึกจาก: Four furious friends fought for the phone or Five flippant Frenchmen fly from France for fashions.
- สำหรับคำที่มีตัว “J” อาจลองฝึกจาก: James just jostled Jean gently or Jack the jailbird jacked a jeep.
ฝึกพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก. เริ่มจากพูดให้ช้าๆ และชัดๆ ในแต่ละพยางค์: "Five flipp-ant French-men fly from France for fash-ions." แล้วค่อยๆ พูดให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ โดยแต่ละพยางค์ยังออกเสียงได้ชัดเจน หากมีสะดุดคำไหน ให้หยุดแล้วเริ่มพูดใหม่ การฝึกอย่างตั้งใจ จะช่วยให้สามารถพูดออกเสียงพยางค์ที่ยากได้อย่างง่ายดาย
จงมั่นใจในสิ่งที่พูดออกไป. อย่ากลัวที่จะพูดออกมาให้ดังและฟังชัดเจน การพูดจากสิ่งที่ผู้อื่นเขียนไว้ อย่างเช่น บทกวี, หนังสือ, สื่อต่างๆ จากเจ้าของภาษา— คือวิธีฝึกเพื่อเพิ่มความมั่นใจ พูดไปเรื่อยๆ : โดยช่วงสุดท้ายของการพูดจะต้องดีเหมือนตอนเริ่มต้น! รวมถึงต้องรู้ว่าเราตั้งใจจะพูดถึงอะไร และสื่อความหมายได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง- หากคุณเป็นคนที่พูดงึมงำหรือพูดฟังค่อยไม่ชัดแล้ว มันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนให้พูดได้อย่างชัดเจน โดยเมื่อคุณต้องพูด ให้ลืมเรื่องหลักการต่างๆในการพูดไปให้หมด แล้วโฟกัสไปที่แต่ละคำ ความหมาย และอรรถรสในการพูด แต่ก็ไม่ควรหมกมุ่นมากเกินไป[6]
โฆษณา
เคล็ดลับ
- พูดให้ง่ายเข้าไว้ บางครั้งการอธิบายให้เข้าใจง่าย จะทำให้พูดแล้วฟังได้ชัดเจน
- ลองฟังเสียงพูดของตัวเองจากการอัดเสียงแล้วฟัง จะช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าควรปรับปรุงอะไรบ้าง
- ขณะที่กำลังพูด: เปิดปากให้กว้างขึ้น ออกเสียงแต่ละคำให้ชัดเจนให้มากขึ้น โดยให้ความรู้สึกเหมือนร้องเพลง: คือต้องอ้าปากให้กว้าง โดยคุณอาจจะไม่เข้าใจเหตุผลนี้ แต่การอ้าปากจะช่วยให้เสียงออกมามากยิ่งขึ้น
- ฝึกพูดต่อหน้าเพื่อนและคนในครอบครัว โดยดูว่าพวกเขาฟังแล้วเข้าใจมากขึ้นไหม จากการที่ได้ฝึกพูดมาตลอด
- หากเป็นการสนทนา อาจใช้เวลาสักนิดในการถามอีกฝ่ายหนึ่งว่าเข้าใจสิ่งที่คุณพูดหรือไม่ หากไม่เข้าใจให้พูดซ้ำอีกรอบ
- นักร้องหลายคนเรียนรู้ที่จะเก็บลิ้นกดลงบนด้านหลังของฟันล่างค้างไว้ ยกเว้นตอนที่ต้องพูดคำหรือตัวอักษรที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวของลิ้น (อย่างเช่นตัว"L," "T," และ "M/N") วิธีนี้จะช่วยให้อากาศผ่านแล้วทำให้เสียงออกมาจากปากได้ชัดเจนโดยไม่มีลิ้นมาขวาง แต่ต้องระวังในการใช้เทคนิคนี้คือ: บางครั้งอาจจะโฟกัสรูปแบบของลิ้นมากเกินไป ทำให้ออกเสียงคำได้ไม่เป็นไปตามต้องการ
โฆษณา
คำเตือน
- อย่ากังวลมากเกินไปเมื่อต้องพูดต่อหน้าคนอื่นๆ เพราะอาจจะทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย เพราะฉะนั้น พยายามเป็นธรรมชาติ; คิดแค่ว่ากำลังจะพูดอะไรในตอนนี้ ไม่ต้องคิดถึงสิ่งที่จะพูดหลังจากตอนนี้ เพราะมันก็จะไหลลื่นไปได้เองในที่สุด
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.quickanddirtytips.com/business-career/communication/how-to-stop-mumbling-and-be-heard
- ↑ http://www.executech.co.za/mumble-gumphle-bumble-it-is-time-to-speak-clearly/
- ↑ http://www.uncommonhelp.me/articles/speak-clearly/
- ↑ http://www.voicetrainer.com/quick-speaking-tips
- ↑ http://www.write-out-loud.com/dictionexercises.html
- ↑ http://www.selfgrowth.com/articles/learn-to-speak-distinctly-the-best-tip-for-those-who-mumble
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
นักแก้ไขการพูด
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Devin Fisher, CCC-SLP. เดวิน ฟิชเชอร์เป็นนักแก้ไขการพูดอยู่ที่ลาสเวกัส รัฐเนวาดา เดวินเชี่ยวชาญในการบำบัดการพูดและการใช้ภาษาให้แก่ผู้ที่มีภาวะเสียการสื่อความ การกลืนผิดปกติ เสียงผิดปกติ พูดไม่ชัด บกพร่องในการใช้ภาษาพูด ภาษากาย และเสียงในการสื่อความหมาย กล้ามเนื้อเกี่ยวกับการพูดผิดปกติ จังหวะการพูดผิดปกติ นอกจากนี้เดวินยังรักษาภาวะการสื่อสารบกพร่องเนื่องจากการรู้คิดผิดปกติ พัฒนาการด้านภาษาล่าช้า และโรคพาร์กินสัน เขาได้รับปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิตและวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาการแก้ไขการพูดจากมหาวิทยาลัยฟอนต์บอนน์ เดวินยังจัดทำเว็บไซต์และบล็อกที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดเพื่อแก้ไขการพูดสำหรับเป็นแหล่งทรัพยากรและข้อมูลแก่แพทย์และผู้ที่สนใจ บทความนี้ถูกเข้าชม 25,112 ครั้ง
หมวดหมู่: การอ่านออกเสียง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 25,112 ครั้ง
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.
โฆษณา
