ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความX
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Amy Wong. เอมี่ อีไลซ่า หว่องเป็นโค้ชฝึกการเปลี่ยนแปลงและการเป็นผู้นำและเป็นผู้ก่อตั้ง Always on Purpose ที่ช่วยลูกค้าที่ต้องการเพิ่มบุคลิกภาพ พัฒนาความเป็นผู้นำและเปลี่ยนวิธีการทำงาน เธอมีประสบการณ์กว่า 20 ปีในการพัฒนาผู้คนย่านเบย์แอเรียของซานฟรานซิสโก เอมี่ยังเป็นาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เธอได้รับปริญญาโททางจิตวิทยาและใบรับรองการเป็นไลฟ์โค้ชจากมหาวิทยาลัยโซเฟีย
มีการอ้างอิง 13 ข้อที่อ้างอิงอยู่ในบทความ ซึ่งสามารถพบได้ทางด้านล่างของบทความ
บทความนี้ถูกเข้าชม 16,353 ครั้ง
เคยรู้สึกว่าตัวคุณเองน่าจะได้รับประโยชน์จากการที่คุณมีความหลงใหลมากขึ้นในเรื่องที่ทำอยู่ในแต่ละวันหรือเปล่า? ไม่แน่นะ บางทีคุณอาจต้องการที่จะรู้สึกเชื่อมโยงหรือเกี่ยวข้องกับคนรอบๆ ตัวคุณให้มากขึ้นก็ได้ และถึงแม้ว่าปกติแล้วคุณจะไม่ได้เป็นจุดสนใจของคนอื่น แต่จำไว้ว่าคุณย่อมมีศักยภาพที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับคนอื่นและกิจกรรมต่างๆ อยู่ในตัวเองอยู่แล้ว และสิ่งนี้จะทำให้คุณเป็นคนที่น่าสนใจมากขึ้นได้ ดังนั้น ให้คุณลองค้นหาสิ่งที่คุณสนใจเป็นการส่วนตัวให้เจอและทำให้ความสนใจเหล่านั้นเข้ามามีส่วนในชีวิตประจำวันของตัวเอง โดยให้คุณลองใช้วิธีการต่อไปนี้ เพื่อที่คุณจะได้เริ่มต้นเส้นทางในการทำให้ตัวเองเป็นคนที่ดูน่าสนใจมากขึ้นได้
ขั้นตอน
เขียนลิสต์เกี่ยวกับทักษะและความสนใจที่ตัวเองมี. นึกให้ออกว่าสิ่งที่น่าสนใจนั้นมีความหมายว่าอย่างไรสำหรับคุณ เพราะว่าสำหรับแต่ละคนนั้น สิ่งที่น่าสนใจของตัวเองหรือสำหรับตัวเองย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว การที่คุณรู้ว่าคุณสนใจในสิ่งใดนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นได้ง่ายขึ้น และอาจจะเป็นไปในวิถีทางที่ดูแล้วน่าสนใจมากกว่าเดิมด้วย ดังนั้น ฝึกฝนทักษะต่างๆ ของคุณด้วยการเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองทำได้ดี ซึ่งนี่จะเป็นวิธีการที่ง่ายกว่าการที่คุณไปบีบตัวเองให้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างที่คุณไม่ได้สนใจเลย[1]- ลองนึกถึงลักษณะและกิจกรรมบางอย่างที่ดูน่าดึงดูดใจสำหรับคุณ อะไรที่เกี่ยวกับตัวเองหรือเกี่ยวกับคนอื่นที่คุณคิดว่าน่าสนใจ?
- นอกจากนี้มันยังง่ายกว่ามาก ที่จะพูดคุยในหัวข้อที่คุณมีความสนใจอยู่แล้ว เมื่อเทียบกับการที่คุณไปทำเหมือนกับว่าตัวเองสนใจในชีวิตหรือความสนใจของคนอื่น เพื่อที่จะทำให้คนเหล่านั้นพอใจ
ลองคิดดูว่าคำว่า “น่าสนใจ” น่าจะหมายความว่าอย่างไรสำหรับคนอื่น. การดูว่าอะไรคือสิ่งที่ “น่าสนใจ” และคุณจะมีคุณลักษณะแบบนั้นได้อย่างไรนั้น อาจจะขึ้นอยู่กับทักษะพิเศษที่คุณมี ซึ่งก็เช่นเดียวกับกลุ่มคนที่คุณชอบอยู่ด้วยนั่นล่ะ ตัวอย่างเช่น หากคุณมองว่าตัวเองเป็นนักดนตรีฝีมือเยี่ยม และชอบที่จะอยู่กับกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับดนตรี นั่นแสดงว่าความน่าสนใจของคุณอาจจะหมายถึงการหาความรู้เกี่ยวกับดนตรีและวิธีการเล่นเครื่องดนตรี ในทางกลับกัน องค์ประกอบเหล่านั้นอาจจะไม่สำคัญสำหรับการเป็นคนน่าสนใจสักเท่าไร หากคุณเป็นคนที่มีความสนใจในเรื่องกีฬาและรถยนต์- นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณควรจะทำบทสนทนาของตัวเองให้เข้ากับคนอื่น เพราะถ้าหากคุณไม่ได้มีความสนใจในเรื่องที่ตัวเองกำลังพูด คุณจะไม่มีทางกลายเป็นคนที่น่าสนใจได้ ดังนั้น พยายามแสดงความเป็นตัวเองให้มากที่สุดหากต้องการเป็นคนน่าสนใจ
ภูมิใจในเอกลักษณ์ของตัวเอง. ให้คุณรับรู้เอาไว้ว่าตัวคุณเองนั้นเป็นคนน่าสนใจอยู่แล้ว ซึ่งคุณอาจจะกลายเป็นคนที่น่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิมในสายตาคนอื่นก็ได้ หากคุณเน้นไปที่ลักษณะพิเศษที่ตัวคุณมี- นี่อาจจะฟังดูขัดแย้งกันในตอนแรก แต่มันก็แค่หมายถึงว่า การที่คุณพยายามเป็นตัวของตัวเองนั้น คือวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้คุณแสดงออกมาอย่างธรรมชาติ ซึ่งสิ่งนี่จะทำให้คนรอบๆ ตัวคุณไม่รู้สึกอึดอัด
โฆษณา
ลองทำกิจกรรมใหม่ๆ เพื่อขยายพื้นที่สบาย (comfort zone) ของตัวเอง. ให้คุณทดลองทำกิจกรรมใหม่ๆ ที่อาจจะทำให้คุณเกิดความสนใจดู และเมื่อคุณขยายพื้นที่สบายของตัวเองแล้ว นั่นจะทำให้คุณได้เดินออกมาจากความจำเจเดิมๆ และเพิ่มสีสันให้กับชีวิตตัวเองมากขึ้น อีกทั้งยังได้พบกับคนใหม่ๆ ด้วย ดังนั้น ลองเปิดใจลองทำสิ่งใหม่ๆ ดู เพื่อที่คุณจะได้มีความกล้ามากขึ้นอีกสักหน่อย[2]- ลองเป็นอาสาสมัครในองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรดู หรืออาจจะลองเรียนรู้กีฬาหรืองานอดิเรกชนิดใหม่ก็ได้ เลือกสิ่งที่คุณไม่ค่อยมีประสบการณ์ และเริ่มต้นทำสิ่งนั้นซะ!
สร้างลักษณะบุคลิกภาพของตัวเองด้วยการลองทำกิจกรรมที่เป็นรูปธรรม. เป้าหมายในการเป็นคนน่าสนใจขึ้นนั้น อาจจะเกี่ยวข้องกับการที่ตัวเองมีความกล้าหาญและเป็นมิตรมากขึ้น แต่มันก็ยากที่จะบรรลุคุณลักษณะเหล่านี้ หากคุณไม่มีการวางแผนที่ชัดเจนก่อน ดังนั้น ลองทำกิจกรรมหรือทักษะที่เห็นเป็นรูปธรรม แทนที่จะไปโฟกัสอยู่กับการสร้างลักษณะบุคลิกภาพอย่างใดอย่างหนึ่งให้ตัวเองจะดีกว่า- ตัวอย่างเช่น แทนที่คุณจะไปโน้มน้าวตัวเองให้มีความกล้ามากขึ้น คุณอาจจะลองเข้าร่วมกิจกรรมที่สร้างความกลัวเล็กๆ น้อยๆ ขึ้นมาให้คุณเมื่อคุณนึกถึงสิ่งนั้น หรือไม่คุณก็อาจจะลองปีนหน้าผาดูหากคุณเป็นคนกลัวความสูง หรือไม่ก็อาจจะลองไปสวนสัตว์ที่ให้อาหารสัตว์ได้หากคุณเป็นคนกลัวสัตว์ ซึ่งการที่คุณดันตัวเองให้ออกมาจากพื้นที่สบายนั้น อาจจะทำให้คุณรู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อร่วมทำกิจกรรมที่คุณและคนอื่นๆ อาจจะเห็นว่าน่าสนใจ
พบปะกับคนใหม่ๆ . เมื่อใดก็ตามที่คุณขยายเครือข่ายคนรู้จักของตัวเอง คุณอาจจะกลายเป็นคนที่ได้สัมผัสกับสถานการณ์และกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจมากกว่าเดิมได้ ดังนั้น ให้คุณลองถามคำถามเกี่ยวกับตัวคนอื่นดูบ้าง- เมื่อคุณมีใครบางคนให้พูดคุยด้วยแล้ว คุณอาจจะค้นพบกับบางสิ่งบางอย่างเช่น คุณค้นพบว่าคนที่คุณกำลังคุยด้วยนั้นมีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องการเลี้ยงผึ้ง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่คุณอยากจะลองทำมาตลอด
เดินทางท่องเที่ยวให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้. การได้เห็นพื้นที่ต่างๆ ในโลกมากขึ้นจะทำให้คุณสามารถปรับตัวให้เข้าใจความแตกต่างของคนแต่ละคนที่มีภูมิหลังหรือชาติพันธุ์ที่แตกต่างกันได้มากขึ้น [3] และการที่คุณคำนึงถึงความแตกต่างเหล่านี้ว่ามันมีผลกระทบอย่างไรต่อคนอื่นและตัวคุณ บางครั้งก็อาจจะทำให้คนรอบๆ ตัวคุณรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่ออยู่กับคุณ- นอกจากนี้ สิ่งนี้ยังจะทำให้คุณสัมผัสได้ว่าสิ่งที่น่าสนใจในแต่ละส่วนของโลกมีลักษณะเป็นอย่างไร
- ทำให้การไปเที่ยวพักผ่อนครั้งต่อไปของคุณแตกต่างจากปกติที่เคยทำ คุณอาจจะไปสถานที่ๆ แปลกใหม่และทำสิ่งต่างๆ ที่ปกติคุณไม่ค่อยได้ทำ ซึ่งอาจจะหมายถึงการทำกิจกรรมอย่างเช่น แบกเป้ท่องเที่ยว เล่นกระดานโต้คลื่น ปีนเขา หรือไม่ก็เดินทางท่องเที่ยวในป่า
อ่านให้เยอะขึ้น. อ่านหนังสือที่มีเนื้อหาสนุกๆ เช่น วิธีการทำค็อกเทลแบบไม่ซ้ำใคร สถานที่แปลกๆ ที่ควรไปเที่ยว หรือวิธีทำให้ตัวเองเป็นคนรักที่ดี ซึ่งหัวข้อเหล่านี้จะทำให้คุณมีข้อมูลต่างๆ มากมายไว้สำหรับเพิ่มความน่าตื่นเต้นให้กับบทสนทนาโฆษณา
เรียนรู้ที่จะมีส่วนร่วมกับความสนใจของคนอื่นบ้าง. การเรียนรู้วิธีการมีส่วนร่วมกับคนอื่นนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าในขณะนั้นคุณจะไม่ได้สนใจในหัวข้อที่กำลังนำมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอยู่ก็ตาม ซึ่งบทสนทนานั้นก็เหมือนกับการเจรจาต่อรองไปมากับคนอื่นนั่นเอง และบทสนทนานั้นจะเป็นไปในทิศทางใดก็ได้ และการเปิดรับและยอมทำสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้คุณเป็นคนน่าสนใจมากขึ้น ดังนั้น ให้คุณคอยถามคำถามกับอีกฝ่ายเพื่อแสดงให้พวกเขาเห็นว่าคุณให้ความสนใจอยู่ นี่จะเปิดทางให้คุณเพิ่มพูนความรู้ที่ได้จากบทสนทนานั้น ซึ่งจะช่วยทำให้คุณคิดคำถามที่จะถามได้มากขึ้น- ตัวอย่างเช่น หากคุณพบว่าคนที่คุยด้วยมีความเชี่ยวชาญในด้านการเลี้ยงผึ้ง คุณอาจจะถามเขาว่า “คือฉันอยากจะลองเลี้ยงผึ้งมาตลอดเลยล่ะ คุณจะบอกฉันได้ไหมว่าควรจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี?” ซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่าคุณได้เปิดโอกาสให้คนอื่นได้แชร์ความรู้ความชำนาญของตัวเอง ซึ่งมันเป็นบางสิ่งบางอย่างที่คนส่วนใหญ่รู้สึกสนุกที่จะทำแบบนั้น
- หากคุณกำลังพูดคุยอยู่กับใครบางคนเกี่ยวกับงานของพวกเขา คุณอาจจะถามว่า “คุณต้องการจะเป็นนักข่าวมาตลอดเลยหรือเปล่า?” หรือไม่คุณก็อาจจะถามว่า “นักข่าวไหนที่คุณชื่นชอบเป็นพิเศษ?”[4]
ใช้เวลาอยู่กับคนที่คุณคิดว่าน่าสนใจ. ลองมองหาคนที่มีความสนใจหรือทักษะที่คุณชื่นชอบดู แล้วจัดลำดับความสำคัญของเวลาที่คุณใช้กับพวกเขา จำไว้ว่าคนที่คุณใช้เวลาด้วยนั้น ย่อมมีผลกระทบต่อการพัฒนาบุคลิกภาพและความสนใจของตัวคุณ[5] เพราะขอบเขตของอิทธิพลทางสังคมไล่มาตั้งแต่ระดับชุมชนท้องถิ่นไปจนถึงระดับประเทศนั้น สามารถส่งผลกระทบต่อตัวคุณในลักษณะที่ชัดเจนและละเอียดอ่อนได้ ดังนั้น การได้คอยสังเกตคนที่มีความน่าสนใจนั้น จะเป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นในทิศทางที่ถูกต้องได้
ยิ้มและหัวเราะให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้. จากการวิจัยพบว่า แม้ว่าคุณจะไม่รู้สึกยินดีที่จะทำอะไรแบบนี้สักเท่าไร แต่แค่ได้ทำท่ายิ้มเฉยๆ นั้นก็สามารถหลั่งสารเคมีในสมองที่ทำให้คุณรู้สึกสบายใจกับสิ่งรอบๆ ตัวมากขึ้นได้แล้ว ผลที่ได้ก็คือ รอยยิ้มของคุณจะส่งผ่านความรู้สึกนี้ไปยังคนอื่นๆ ด้วย [6] นอกจากนี้ การยิ้มและหัวเราะนั้นยังช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าและความวิตกกังวลเล็กน้อยได้ด้วย[7]- หากคุณต้องการเป็นคนที่ดูน่าสนใจมากขึ้น แต่ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเริ่มต้นจากตรงไหน แค่การยิ้มบ่อยๆ และพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้ตัวเองหัวเราะได้นั้น ก็สามารถเป็นวิธีการเริ่มต้นที่ดีให้กับคุณได้แล้ว
เรียนรู้ที่จะไม่ใส่ใจกับการดูถูกและดูหมิ่นของคนอื่น. แต่ละคนย่อมมีความสนใจและการปฏิบัติตัวต่อโลกในรูปแบบของตัวเองอยู่แล้ว มันเป็นไปไม่ได้หรอก ที่เราจะทำให้ตัวเองเป็นคนดูน่าสนใจสำหรับทุกคน ดังนั้น จงมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเป็น และยอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมองว่าคุณเป็นคนน่าสนใจหรือจำเป็นต้องมาชื่นชอบในตัวคุณ ซึ่งวิธีนี้จะทำให้คุณดูน่าสนใจมากขึ้นในสายตาของคนที่เคารพในสิ่งที่ตัวคุณเป็นอยู่แล้ว- ลองยอมรับคำพูดของคนที่มาพูดดูถูกคุณโดยที่ไม่ต้องหาเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น โดยให้คุณพูดกับตัวเองว่า “วันนี้เขาอาจจะเจอเรื่องแย่ๆ มาก็ได้” จากนั้นก็ให้พูดสิ่งดีๆ กับเขาไป ซึ่งนี่อาจจะช่วยเตือนสติให้เขารู้ว่าเขากำลังหยาบคายกับคุณอยู่
- คุณอาจะลองพูดโอ้อวดกลับไปบ้าง เพื่อเป็นการเยาะเย้ยคำดูถูกเหล่านั้น หากใครสักคนมาพูดกับคุณว่า “ฉันเห็นคนอื่นเรียนวิธีเล่นสกีได้เร็วกว่าเธอตั้งหลายคน” คุณอาจจะตอบกลับไปว่า “ฉันเพิ่งจะได้เรียนแค่วิธีการเดินตรงๆ ก็เท่านั้น และฉันก็คิดว่าฉันกำลังจะไปได้สวยด้วย”[8]
โฆษณา
รู้ว่าคนอื่นต้องการจะได้ยินหรือฟังอะไร. แม้ว่าการเป็นคนน่าสนใจนั้นสามารถหมายถึงการที่คุณพูดในสิ่งที่เกี่ยวกับตัวเอง แต่จริงๆ มันยังหมายถึงการที่คุณแสดงความสนใจในตัวคนอื่นด้วย ดังนั้น ให้ลองถามเรื่องลูกๆ ของอีกฝ่าย หรือถามเรื่องราวต่างๆ ในวันหยุดที่ผ่านมาของพวกเขาดู พยายามทำให้คนอื่นรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่กับคุณด้วยการทำให้ตัวเองเป็นคนที่คุยง่ายเข้าไว้[9]
ถามคำถาม. อย่าปล่อยให้บทสนทนาเงียบไปเพราะความล้มเหลวในการแสดงความสนใจของคุณ โดยให้คุณพยายามดำเนินบทสนทนาต่อไปด้วยการคอยถามคำถามอีกฝ่ายอยู่เรื่อยๆ ซึ่งนี่จะแสดงให้เห็นว่าคุณกำลังฟังและใส่ใจในสิ่งที่คนอื่นจะพูด[10]- ในบทสนทนา ให้คุณถามคำถามแบบปลายเปิด เพราะคำถามประเภทนี้จะช่วยทำให้อีกฝ่ายพูดออกมาได้เรื่อยๆ มากกว่าที่จะตอบคำถามแค่ว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่
เรียนรู้วิธีการเป็นนักเล่าเรื่องที่ดี. การที่ใครคนหนึ่งจะเป็นคนที่น่าสนใจนั้น มันก็มักจะเป็นเพราะว่าคนๆ นั้นน่าสนใจที่จะรับฟัง ไม่ว่าจะพูดเรื่องอะไรออกมาก็ตาม คนๆ นั้นก็จะสามารถเล่าเรื่องดีๆ ออกมาได้เสมอ เขาจะสามารถบอกเล่าเรื่องราวได้อย่างสนุกสนาน เชื่อมโยงกับคนฟังได้ และโฟกัสอยู่กับสิ่งที่ตัวเองพูดอยู่- เรื่องดีๆ ที่คุณเล่าให้คนอื่นฟังนั้นต้องมีองค์ประกอบบางอย่างที่เหมือนกับในหนังสือหรือภาพยนตร์ ซึ่งเรื่องที่ดีจะต้องมีตัวละครที่น่าสนใจ รายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง ปมขัดแย้ง จุดเปลี่ยน และแม้แต่การจบแบบน่าประหลาดใจก็เป็นองค์ประกอบสำคัญเช่นกัน[11] และถึงแม้ว่าเรื่องราวที่เล่านั้นจะเป็นเรื่องสั้นๆ แต่ให้คุณลองคิดดูว่าจะสร้างเนื้อเรื่องนั้นให้ดูน่าดึงดูดใจสำหรับคนฟังยังไง
เป็นผู้ฟังเชิงรุก. บ่อยครั้งที่คุณสามารถเป็นคนที่ดูน่าสนใจได้ด้วยการปล่อยให้คนที่อยู่รอบๆ ตัวคุณได้พูดในสิ่งที่อยู่ในใจพวกเขา โดยไม่ไปขัดคอหรือไปเรียกร้องการตัดสินทางจริยธรรมต่างๆ จากพวกเขา ซึ่งนี่อาจจะฟังดูเหมือนทำง่าย แต่จริงๆ มันอาจจะเป็นสิ่งที่ยากมากๆ และมันจะยิ่งยากถ้าหากว่าปกติแล้วคุณเคยชินกับการพูดในสิ่งที่อยู่ในใจออกมาโดยไม่ได้ใช้เวลาคิดก่อน ซึ่งการฟังเชิงรุกนั้นหมายถึงว่า คุณตั้งใจฟังสิ่งในสิ่งที่คนอื่นกำลังพูด โดยที่ไม่แทรกความคิดของตัวเองเข้าไประหว่างบทสนทนา[12]- การฟังเชิงรุกยังหมายถึงการที่คุณคอยให้ความสนใจกับสิ่งที่ถูกถ่ายทอดออกมา โดยที่ไม่จำเป็นต้องพยายามคิดไปก่อนว่าตัวเองต้องการจะพูดอะไรต่อไป ซึ่งคราวต่อไปถ้ามีใครบางคนพยายามที่จะเล่าเรื่องให้คุณฟัง พยายามปล่อยให้พวกเขาได้พูดออกมาให้นานที่สุดจนพวกเขารู้สึกอึดอัดที่จะพูดต่อ และในช่วงเวลาที่พวกเขากำลังพูดมานั้น ให้คุณใส่ใจในสิ่งที่พวกเขากำลังพูดด้วย
- คอยจับตาดูความเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกทางสีหน้าหรือน้ำเสียงด้วย เพราะการฟังที่ดีต้องอาศัยความใส่ใจในภาษากายให้เท่าๆ กับสิ่งที่พูดออกมาด้วย[13]
- คนส่วนใหญ่ชอบที่จะอยู่กับคนที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้พูดในสิ่งที่ตัวเองคิด
ใช้ภาษากายที่บ่งบอกถึงความมั่นใจ. ทำร่างกายให้บ่งบอกถึงความมั่นใจ โดยตั้งไหล่ให้ตรงและเชิดหน้าเข้าไว้ และอาจจะลองแสดงออกให้มากขึ้นด้วยการแสดงออกทางมือ แทนที่จะซุกมือเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกงเพียงอย่างเดียว- เมื่อคุณกำลังพูดอยู่กับใครบางคน ให้แสดงออกถึงความสนใจด้วยภาษากายที่บ่งบอกถึงความมั่นใจ ซึ่งนี่หมายถึงว่าร่างกายของคุณจะต้องอยู่ตรงหน้าของอีกฝ่ายและก็สบตากับพวกเขา[14] และถ้าหากคุณอยู่ในห้องที่มีสิ่งรบกวนเยอะ พยายามโฟกัสกับอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ลองทดลองกับแฟชั่นและสไตล์ของตัวเองดู เพราะการแต่งตัวโดยใช้สีสว่างและไม่ซ้ำใครนั้น สามารถทำให้คุณโดดเด่นและดูเป็นคนที่น่าสนใจขึ้นมาได้
- เรียนรู้เกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างที่ดูน่าสนใจและไม่ซ้ำใคร อย่างเช่น เรื่องอวกาศ เพราะการมีเรื่องเล็กน้อยๆ ให้พูดในบทสนทนาสามารถส่งเสริมให้บทสนทนานั้นมีชีวิตชีวาและทำให้คุณเป็นคนที่ดูน่าสนใจมากขึ้นได้
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ Todd, S. (2013). Learning Desire: Perspectives on Pedagogy, Culture, and the Unsaid. Routledge.
- ↑ http://www.huffingtonpost.com/2014/09/26/stepping-outside-your-comfort-zone_n_5872638.html
- ↑ http://www.huffingtonpost.co.uk/emily-verdouw/reasons-to-travel_b_5495554.html
- ↑ http://www.nicknotas.com/blog/conversation-tips-new-people/
- ↑ Jetten, J., Haslam, C., & Haslam, A., S. (2012). The Social Cure: Identity, Health and Well-Being. Psychology Press.
- ↑ Rossouw, Pieter (2013) The neuroscience of smiling and laughter. The Neuropsychotherapist, 1 1: doi:10.12744/ijnpt.2013
- ↑ Lin, W., Hu, J., & Gong, Y. (2015). Is it Helpful for Individuals with Minor Depression to Keep Smiling? An Event-Related Potentials Analysis. Social Behavior and Personality: An International Journal, 43(3), 383–396. http://doi.org/10.2224/sbp.2015.43.3.383
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/hide-and-seek/201302/how-deal-insults-and-put-downs
- ↑ http://www.succeedsocially.com/interesting
- ↑ http://www.succeedsocially.com/interesting
- ↑ http://www.forbes.com/sites/nickmorgan/2013/08/15/the-secret-to-great-storytelling/
- ↑ ROST MICHAEL, & J. J. WILSON (2013). Active Listening. Harlow, UK: Pearson Education Limited.
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/how-do-life/201405/how-become-better-listener
- ↑ http://www.forbes.com/sites/jessicahagy/2011/11/30/how-to-be-interesting/
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
โค้ชฝึกการเปลี่ยนแปลงและการเป็นผู้นำ
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Amy Wong. เอมี่ อีไลซ่า หว่องเป็นโค้ชฝึกการเปลี่ยนแปลงและการเป็นผู้นำและเป็นผู้ก่อตั้ง Always on Purpose ที่ช่วยลูกค้าที่ต้องการเพิ่มบุคลิกภาพ พัฒนาความเป็นผู้นำและเปลี่ยนวิธีการทำงาน เธอมีประสบการณ์กว่า 20 ปีในการพัฒนาผู้คนย่านเบย์แอเรียของซานฟรานซิสโก เอมี่ยังเป็นาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เธอได้รับปริญญาโททางจิตวิทยาและใบรับรองการเป็นไลฟ์โค้ชจากมหาวิทยาลัยโซเฟีย บทความนี้ถูกเข้าชม 16,353 ครั้ง
หมวดหมู่: การพัฒนาบุคลิก
ในภาษาอื่น
English:Become a More Interesting Person
Русский:стать более интересным человеком
Bahasa Indonesia:Menjadi Pribadi yang Lebih Menyenangkan
한국어:더 흥미로운 사람이 되는 법
Tiếng Việt:Trở thành Người Thú vị hơn
العربية:أن تصبح شخصاً مثيراً للاهتمام
Nederlands:Een interessanter persoon worden
มีการเข้าถึงหน้านี้ 16,353 ครั้ง
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.
โฆษณา
