บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Joy Cho. จอย โชเป็นผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของสตูดิโอด้านไลฟ์สไตล์ Oh Joy! ที่ก่อตั้งในปี 2005 ในลอสแองเจลิส เธอเขียนหนังสือสามเล่มและให้คำแนะนำด้านความคิดสร้างสรรค์แก่บริษัททั่วโลก จอยได้รับการเสนอชื่อเป็นหนึ่งใน 30 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลทางอินเทอร์เน็ตของนิตยสารไทมส์ 2 ปีซ้อนและเป็นบัญชีที่มีผู้ติดตามสูงสุดบน Pinterest โดยมียอดผู้ติดตามกว่า 13 ล้านคน
บทความนี้ถูกเข้าชม 42,869 ครั้ง
การประดิษฐ์เทียนใช้เองภายในบ้านไม่เพียงช่วยให้บ้านของคุณดูดีมีสไตล์มากขึ้น แต่ยังส่งกลิ่นหอมและสร้างแสงสว่างให้กับบ้านของคุณในเวลาที่จำเป็นได้อีกด้วย การทำเทียนใช้เองนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ทำตามขั้นตอนง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน คุณก็จะมีเทียนที่จะสามารถช่วยเปลี่ยนบ้านของคุณให้สวยงามและเต็มไปด้วยแสงสวยๆ ที่ดูดีเหนือใคร
ขั้นตอน
- เลือกขี้ผึ้งที่คุณต้องการ. คุณสามารถเลือกซื้อขี้ผึ้งแบบต่างๆ เช่น พาราฟิน ไขผึ้ง หรือขี้ผึ้งตะไคร้หอมได้ตามร้านค้าออนไลน์ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ถ้าคุณสนใจพวกขี้ผึ้งที่มีกลิ่นหอม คุณก็สามารถหาซื้อได้จากร้านค้าเหล่านี้ได้เช่นกัน โดยให้เลือกซื้อขี้ผึ้งที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณมากที่สุดและสั่งซื้อมาในปริมาณที่เพียงพอต่อการทำเทียนหลายๆ อัน
- อุ่นขี้ผึ้งให้ร้อน. อุ่นขี้ผึ้งให้ละลายโดยใช้การต้มแบบสองชั้นให้มีอุณหภูมิประมาณ 180-190 ฟาเรนไฮต์ (82-88 องศาเซลเซียส) โดยคุณสามรถใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดเพื่อให้ได้อุณหภูมิที่แม่นยำ และถ้าคุณชอบให้เทียนมีกลิ่นก็ค่อยใส่น้ำมันหอมระเหยตามลงไปทีหลัง
- ตัดไส้ตะเกียง. นำไส้ตะเกียงฐานโลหะที่พันเทปเอาไว้แล้วมาติดลงไปในภาชนะที่จะใส่เทียน โดยให้ติดเอาไว้ให้ไส้ตะเกียงพ้นขึ้นมาจากภาชนะสัก 2-3 นิ้ว จากนั้นให้พันไส้ตะเกียงเข้ากับดินสอหรือปากกาและทิ้งเอาไว้โดยให้ไส้ตะเกียงห้อยจากดินสอหรือปากกาลงไปที่ก้นของภาชนะแบบตั้งฉาก
- นำภาชนะที่เตรียมไว้ไปอุ่นให้ร้อน. ถ้าคุณไม่อยากให้เทียนของคุณมีฟองอากาศ คุณจะต้องนำภาชนะที่ใส่ไปอุ่นให้ร้อนเสียก่อนที่จะนำมาใส่เทียน โดยให้นำไปอบในอุณหภูมิ 150 ฟาเรนไฮต์ (66 องศาเซลเซียส) สักครู่หนึ่ง
- เทขี้ผึ้งลงไปในภาชนะ. จับไส้ตะเกียงหรือดินสินเอาไว้นิ่งๆ ข้างบนภาชนะ จากนั้นให้ค่อยๆ เทขี้ผึ้งที่ละลายเอาไว้ลงไป ระวังอย่าให้ชนหรือเทเร็วไปเพราะอาจจะทำให้เกิดฟองอากาศได้ โดยให้เทขี้ผึ้งเพียง ¾ จากจำนวนที่คุณต้องการเท่านั้น
- รอสักพักหนึ่งและเทขี้ผึ้งลงไปรอบที่สอง. ทิ้งเอาไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมงเพื่อให้ขี้ผึ้งในภาชนะเย็นลง ตอนนี้เทียนของคุณน่าจะมีปุ่มๆ หรือส่วนเว้าที่ไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นให้คุณเทขี้ผึ้งที่เหลือประมาณ ¼ ทับลงบนขี้ผึ้งที่แห้งแล้วในภาชนะ
- ขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะนำเทียนไปใช้. หลักจากที่ขี้ผึ้งแห้งแล้ว ให้คุณแกะไส้ตะเกียงที่พันเอาไว้ที่ดินสอข้างบนภาชนะใส่เทียน จากนั้นให้เล็มไส้ตะเกียงให้มีขนาดพอดี เพียงเท่านี้คุณก็สามารถนำเทียนที่คุณทำขึ้นเองนี้ไปจุดประดับบ้านให้สว่างไสวและสวยงามได้แล้ว[1]โฆษณา
- เลือกชนิดขี้ผึ้ง. เทียนแท่งถือได้ว่าเป็นเทียนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาเทียนทุกชนิดและเป็นเทียนที่ต้องใช้ขี้ผึ้งในการทำเป็นจำนวนมาก โดยคุณจะต้องเลือกก่อนว่าคุณอยากได้ขี้ผึ้งที่มีสีหรือมีกลิ่นหรือไม่ จากนั้นก็จะต้องเลือกว่าคุณจะใช้ขี้ผึ้งชนิดใด เช่น ไขผึ้ง ขี้ผึ้งตะไคร้หอมหรือพาราฟิน เป็นต้น โดยเวลาเลือกให้คุณคำนึงถึงจุดประสงค์การใช้ก่อนที่ตัดสินใจเลือกชนิดขี้ผึ้ง
- อุ่นขี้ผึ้งให้ละลาย. ใช้วิธีต้มสองชั้นเพื่อทำให้ขี้ผึ้งละลาย ถ้าคุณไม่มีภาชนะต้มสองชั้นให้คุณใช้หม้อต้มน้ำที่มีน้ำเดือดอยู่ข้างในรองถ้วยแก้วเอาไว้ จากนั้นให้นำขี้ผึ้งมาเทลงในแก้ว และเมื่ออุณหภูมิขี้ผึ้งสูงถึง 180-190 ฟาเรนไฮต์ (82-88 องศาเซลเซียส) ก็แปลว่าขี้ผึ้งนั้นได้ที่แล้วและพร้อมที่จะนำไปเทใส่ภาชนะในขั้นตอนต่อไป
- เตรียมเบ้าหล่อให้พร้อม. สิ่งสำคัญก่อนที่คุณจะทำเทียนแท่งได้นั้น คุณจะต้องสร้างเบ้าหล่อเสียก่อน วิธีที่ง่ายที่สุดในการหาเบ้าหล่อมาใช้ก็คือการซื้อจากร้านค้า เพราะจะได้ไม่เกิดปัญหาเรื่องขนาดที่ไม่พอดีหรือทำให้เทียนไม่ได้สัดส่วน หรือสามารถใช้เบ้าหลอมที่ทำจากไม้และนำยางมามัดแน่นๆ ก็ได้เช่นกัน
- ใส่ไส้ตะเกียง. ควรเลือกไส้เทียนที่มีความยาวที่เหาะสมกับเทียน โดยให้เลือกใช้ไส้เทียนที่พันเทปเอาไว้แล้วพันเข้ากับดินสอหรือปากกาแล้ววางพาดแนวนอนไว้บนเบ้าหลอมเพื่อป้องกันไม่ให้ไส้เทียนจมลงไปในขี้ผึ้ง โดยปล่อยให้ไส้เทียนทิ้งตัวเป็นแนวตั้งลงมาจนถึงฐานเพื่อไม่ให้ไส้เทียนไหลลงไปจมอยู่ในขี้ผึ้ง
- เทขี้ผึ้ง. ค่อยๆ เทขี้ผึ้งลงในเบ้าหลอมโดยให้ระวังอย่าเทเร็วมากเกินไป โดยเหลือขี้ผึ้งเอาไว้ปริมาณ ¼ ของขี้ผึ้งทั้งหมดที่มีเพื่อเผื่อเอาไว้เทเพิ่มทีหลังในกรณีที่เทียนไม่ได้รูปตามที่เราหวังไว้
- รอสักพักและเทรอบที่สอง. หลังจากที่คุณปล่อยให้ขี้ผึ้งเย็นตัวและแห้งจนก่อตัวกันเป็นแท่ง ให้คุณอุ่นขี้ผึ้งที่เหลืออยู่และนำมาเทลงไปในเบ้าหลอมเพื่อกลบฟองอากาศและพื้นผิวที่ไม่สม่ำเสมอให้เรียบเนียน
- นำเบ้าหล่อออก. ทิ้งขี้ผึ้งเอาไว้ประมาณ 2-4 ชั่วโมงเพื่อให้เทียนทั้งแท่งแข็งตัวและแห้งสนิท หลังจากนั้นให้แก้มัดไส้เทียนออกจากดินสอหรือปากกาที่คุณมัดติดเอาไว้ จากนั้นให้เล็มไส้เทียนให้พอดีกับเทียน เพียงแค่นี้คุณก็จะได้เทียนแท่งที่คุณต้องการแล้ว[2]
- หาที่เหมาะๆ และจุดเทียนให้สวยงามโฆษณา
- ตัดไขผึ้งออกจากแผ่น. โดยทั่วไปแล้วไขผึ้งจะมาในรูปแบบแผ่นใหญ่ๆ ซึ่งถ้าคุณไม่ตัดแบ่งก่อนมันจะทำให้แท่งเทียนของคุณนั้นใหญ่เกินไป คุณจะต้องตัดไขผึ้งออกเป็นขนาด 4 x 16 นิ้ว (10.2 x 40.6 ซม.)
- เตรียมใส่ไส้ตะเกียง. แผ่ไขผึ้งออกไว้บนโต๊ะจากนั้นให้นำไส้ตะเกียงมาวางไว้ที่ขอบของไขผึ้งด้านหนึ่ง โดยให้วางริมขอบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เว้นระยะห่างอย่าน้อยหนึ่งนิ้วให้ปลายไส้เทียนกับขอบไขผึ้งด้านบนไม่ชนกันและปล่อยให้ปลายอีกด้านหนึ่งของไส้ตะเกียงเลยออกมาจากทางด้านล่างของแผ่นไขผึ้ง
- เริ่มม้วนไขผึ้ง. โดยให้ค่อยๆ เริ่มม้วนจากขอบที่อยู่ติดกับไส้ตะเกียงก่อน พยายามม้วนให้ไปทางเดียวกันเพื่อหลีกเลี่ยงไมให้เทียนของคุณไม่เท่ากันหรืออาจจะไม่เป็นรูปตามที่ต้องการได้ ในระหว่างที่ม้วนให้คุณค่อยๆ กดลงไปที่ไขผึ้งด้วยเพื่อให้มันเกาะตัวกันมากยิ่งขึ้น
- เก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ. เมื่อคุณม้วนไขผึ้งจนหมดแล้วให้คุณใช้นิ้วค่อยๆ กดให้แต่ละชั้นของเทียนติดกัน หรือให้ใช้สองมือปั่นเทียนไปมาเพื่อให้ความร้อนที่ฝ่ามือช่วยทำให้ไขผึ้งติดกันและเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถนำเทียนไขผึ้งนี้ไปประดับและตกแต่งบ้านตามความชอบเพื่อให้บ้านของคุณดูสวยงามได้แล้ว[3]โฆษณา
- รวบรวมขี้ผึ้งที่เหลืออยู่มาไว้ด้วยกัน. ใช้ขี้ผึ้งที่เหลือจากเทียนเก่าๆ มาทำให้เป็นเทียนแบบใหม่ที่มีความสวยงาม หรือคุณอาจจะให้ขี้ผึ้งที่เป็นก้อนเล็กๆ ที่เหลืออยู่จากการทำเทียนชนิดอื่นๆ ก็ได้ แต่ต้องดูให้ดีว่ามันเป็นขี้ผึ้งชนิดเดียวกันไหมและพยายามอย่านำขี้ผึ้งชนิดที่แตกต่างกันมารวมกัน เช่น พยายามอย่านำขี้ผึ้งตะไคร้หอมมารวมกับพาราฟิน
- เลือกขี้ผึ้งชิ้นเล็กๆ ที่มีกลิ่นคล้ายๆ กันเพื่อป้องกันไม่ให้เทียนของคุณมีกลิ่นแปลกๆ
- หลีกเลี่ยงการผสมขี้ผึ้งที่สีแตกต่างกันมากเกินไปจำนวนมากๆ เพราะมันอาจจะทำให้เทียนของคุณมีสีที่ไม่น่าดูเอาได้ โดยให้พยายามใช้สีขี้ผึ้งที่คล้ายๆ กันเข้าไว้
- ละลายขี้ผึ้ง. หั่นขี้ผึ้งออกเป็นชิ้นเล็กๆ ด้วยมีดตัดเนย จากนั้นให้นำไปทำให้ละลายด้วยการต้มสองชั้น รอให้อุณหภูมิสูงถึงประมาณ 185 ฟาเรนไฮต์ (85 องศาเซลเซียส) ก่อนที่จะนำออกมาตั้งทิ้งไว้
- เตรียมภาชนะเอาไว้ใส่เทียน. ใส่ไส้ตะเกียงที่พันโลหะลงไปในภาชนะและให้พันด้านหนึ่งเอาไว้ที่ดินสอหรือปากกา หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ไส้ตะเกียงห้อยลงมาในภาชนะ หลังจากนั้นให้นำภาชนะเข้าไปอุ่นในเตาอบที่อุณหภูมิ 150 องศาฟาเรนไฮต์ (66 องศาเซลเซียส เพื่อป้องกันการเกิดขึ้นของฟองอากาศเวลาเทเทียนลงในภาชนะ
- เทขี้ผึ้ง. ใช้ผ้าขาวบางมากรองสิ่งเศษไส้ตะเกียงหรือเศษเหล็กจากไส้ตะเกียงออกจากขี้ผึ้ง โดยให้เทลงไปในภาชนะช้าๆ และเลี่ยงการเทลงไปโดนไส้ตะเกียงหรือขอบของภาชนะ โดยให้ค่อยๆ เทลงไปที่ฐานของภาชนะแทน และให้เหลือขี้ผึ้งเอาไว้ ¼ ของทั้งหมดเพื่อที่จะเอาไว้เติมภายหลัง
- รอสักพักและเทขี้ผึ้งลงไปอีกครั้งหนึ่ง. เมื่อขี้ผึ้งในภาชนะเกาะตัวกันจนแข็งแล้ว ให้คุณอุ่นขี้ผึ้งที่เหลืออยู่ ¼ ให้ละลายและนำมาเทลงบนขี้ผึ้งที่แห้งแล้วในภาชนะเพื่อกลบรอยตะปุ่มตะป่ำและความไม่สม่ำเสมอของขี้ผึ้งให้เรียนเนียน
- เตรียมเทียนให้พร้อมใช้. แกะไส้ตะเกียงออกจากดินสอหรือปากกาที่ใช้ผูก และเมื่อขี้ผึ้งเกาะตัวกันจนแข็งและแห้งสนิทแล้วคุณก็สามารถนำไปใช้ตกแต่งบ้านของคุณได้เลย อีกทั้งยังสามารถนำสิ่งนี้ไปให้เพื่อนๆ เป็นของขวัญได้อีกด้วย[4]โฆษณา
เคล็ดลับ
- เวลาคุณทำเทียน ห้ามผสมขี้ผึ้งหลายๆ ชนิดเข้าด้วยกันเนื่องจากพวกมันมีความแตกต่างกันและจะให้ผลที่แตกต่างกันไปด้วย
- คุณสามารถเพิ่มน้ำมันหอมระเหยลงไปในเทียนเพื่อเพิ่มกลิ่น โดยให้ลองผสมกลิ่นหลายๆ กลิ่นลงด้วยกันเพื่อให้บ้านของคุณนั้นมีกลิ่นหอมและมีเอกลักษณ์
คำเตือน
- ต้องใช้ไส้ตะเกียงเท่านั้น เพราะวัตถุอื่นๆ เช่น เชือก อาจจะไหม้เร็วเกินไปและอาจจะทำให้ไฟติดมากเกินไปได้
- ถ้าคุณไม่ทำตามขึ้นตอนข้างบนนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงขั้นตอนเล็กๆ ก็ตาม มันสามารถทำให้เกิดไฟลุกขึ้นได้ เพราะฉะนั้นเวลาคุณเริ่มหัดทำเทียนเป็นครั้งแรกคุณควรจะมีเครื่องดับไฟอยู่ใกล้ๆ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้
- ห้ามพรมน้ำลงไปที่ขี้ผึ้งที่ติดไฟเป็นอันขาด เนื่องจากขี้ผึ้งจะทำปฏิกิริยาเหมือนกับน้ำมันที่จะสามารถทำให้เกิดไฟลุกได้
ข้อมูลอ้างอิง
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.