บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา
ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้
บทความนี้ถูกเข้าชม 28,298 ครั้ง
บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการติดตั้งโปรแกรม phpMyAdmin ในคอมพิวเตอร์ Windows คุณใช้ phpMyAdmin ควบคุมเซิร์ฟเวอร์ MySQL ได้จากในเบราว์เซอร์ แต่ก่อนหน้านั้นก็ต้องติดตั้งและตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ MySQL ในคอมซะก่อน หรือใช้โปรแกรมชื่อ WAMP ติดตั้ง phpMyAdmin ในเซิร์ฟเวอร์ของคุณโดยอัตโนมัติ
ขั้นตอน
- เช็คก่อนว่าติดตั้ง Apache, PHP และ MySQL ไว้. ต้องติดตั้ง Apache, PHP และ MySQL ในคอม และปรับแต่งเรียบร้อยแล้วก่อนติดตั้ง phpMyAdmin ด้วยวิธีการนี้
- เข้าหน้าดาวน์โหลด phpMyAdmin. เข้าเว็บ https://www.phpmyadmin.net/ ในเบราว์เซอร์
- คลิก Download. ที่เป็นปุ่มสีเขียว ด้านขวาบนของหน้า เพื่อดาวน์โหลดไฟล์ ZIP ของ phpMyAdmin ลงคอม
- จะเห็นหมายเลขเวอร์ชั่นข้าง Download (เช่น ถ้าเป็น phpMyAdmin เวอร์ชั่นของเดือนพฤศจิกายน 2560 ก็ให้คลิก Download 4.7.5)
- คลิก Close ตอนที่ขึ้น. เพื่อกลับไปที่หน้า phpMyAdmin
- เปิดโฟลเดอร์ phpMyAdmin. โดยดับเบิลคลิกไฟล์ ZIP ของ phpMyAdmin ที่ดาวน์โหลดมา
- copy ไฟล์จากโฟลเดอร์ phpMyAdmin. คลิกโฟลเดอร์ phpMyAdmin ที่ได้จากหน้าต่างของไฟล์ ZIP แล้วกด Ctrl+C
- ไปยังโฟลเดอร์ host ของ Apache. ปกติจะเป็นโฟลเดอร์ชื่อ "htdocs" ในโฟลเดอร์ "Apache" ที่อยู่ในโฟลเดอร์ "C:" ของฮาร์ดไดรฟ์อีกที
- ปกติโฟลเดอร์ host ของ Apache จะเป็นไฟล์ text ชื่อ "index.php" หรืออะไรที่ใกล้เคียง
- วิธีเปิดโฟลเดอร์นี้ได้เร็วที่สุด คือคลิก This PC ทางซ้ายของหน้าต่าง ดับเบิลคลิกโฟลเดอร์ Apache แล้วดับเบิลคลิกโฟลเดอร์ htdocs (หรือใกล้เคียง)
- paste โฟลเดอร์ที่ copy มา ลงในโฟลเดอร์ host. กด Ctrl+V เพื่อ paste โฟลเดอร์ phpMyAdmin ที่ copy มา ลงในโฟลเดอร์ host ของ Apache
- เปลี่ยนชื่อของโฟลเดอร์ที่ copy มาเป็น phpmyadmin. คลิกโฟลเดอร์ phpMyAdmin คลิก Home คลิก Rename ใน toolbar พิมพ์ phpmyadmin ในช่องพิมพ์ชื่อโฟลเดอร์ แล้วกด ↵ Enter
- เปิดโฟลเดอร์ PHP. ที่เป็นโฟลเดอร์ในโฟลเดอร์ "C:" และโฟลเดอร์ "Apache" พอเจอโฟลเดอร์ PHP แล้ว ให้ดับเบิลคลิกเพื่อเปิดขึ้นมา
- หาไฟล์ "php.ini-production" แล้วเปลี่ยนชื่อ. ให้เปลี่ยนชื่อไฟล์เป็น php.ini[1]
- ดับเบิลคลิกไฟล์ "php.ini". เพื่อเปิดขึ้นมาใน text editor หลักของเครื่อง (เช่น Notepad) บางทีก็ต้องเลือก Notepad จากในรายชื่อโปรแกรมก่อน แล้วคลิก OK
- หาข้อความ "extension=php_mbstring.dll" แล้วลบ semicolon. จะเห็น semicolon (;) ทางซ้ายของบรรทัดข้อความที่ว่า
- อาจจะกด Ctrl+F เพื่อเปิดหน้าต่าง "Find" แล้วพิมพ์ข้อความนี้ลงไป เพื่อค้นหาก็ได้
- หาข้อความ "extension=php_mysqli.dll" แล้วลบ semicolon. เท่านี้เซิร์ฟเวอร์ phpMyAdmin ของคุณก็พร้อมใช้
- เซฟค่าใหม่แล้วออกจาก Notepad. กด Ctrl+S เพื่อเซฟ แล้วคลิก X ที่มุมขวาบนของหน้าต่าง Notepad เพื่อออกจาก Notepad
- ทดสอบโปรแกรม phpMyAdmin. เปิดเบราว์เซอร์ แล้วพิมพ์ http://localhost ในแถบ address จากนั้นกด ↵ Enter เพื่อไปยังหน้าล็อกอิน phpMyAdminโฆษณา
- เช็คว่าติดตั้ง MySQL แล้ว. WAMP ให้คุณติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่มีในคอมได้ แต่ไม่ใช่และไม่ได้สร้างเซิร์ฟเวอร์
- เช็คเวอร์ชั่น bit ของคอม. ต้องเช็คก่อน ถึงจะรู้ว่าต้องดาวน์โหลด WAMP เวอร์ชั่นไหน
- เข้าเว็บ WAMP. เข้าเว็บ http://www.wampserver.com/en/ ในเบราว์เซอร์
- เลื่อนลงไปคลิก WAMPSERVER 64 BITS หรือ WAMPSERVER 32 BITS. ส่วนจะเลือกหมายเลขไหนก็แล้วแต่เวอร์ชั่น bit ของคอม แต่ไม่ว่าจะคลิกตัวเลือกไหน ก็จะมีหน้าต่าง pop-up โผล่ขึ้นมา
- คลิกลิงค์ download directly. ที่ด้านขวาบนของหน้าต่าง pop-up เพื่อไปยังหน้า Source Forge สำหรับดาวน์โหลด WAMP เวอร์ชั่นที่ต้องการ
- คลิก Download. ที่เป็นปุ่มสีเขียว ทางด้านบนของหน้า เพื่อเริ่มดาวน์โหลด WAMP ลงคอม
- อาจจะต้องรอหลายนาทีหน่อย จนดาวน์โหลดเสร็จ
- ติดตั้ง WAMP. ดับเบิลคลิกไฟล์ติดตั้ง WAMP ที่ดาวน์โหลดมา แล้วทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- คลิก Yes ตอนที่ขึ้น
- เลือกภาษา แล้วคลิก OK
- ติ๊ก "I accept the agreement" แล้วคลิก Next
- คลิก Next 3 ครั้ง
- คลิก Install
- รอจนติดตั้ง WAMP เสร็จ. ประมาณ 2 - 3 นาที
- เลือกเบราว์เซอร์ตอนที่ขึ้น. คลิก Yes แล้วไปที่ไฟล์ EXE ของเบราว์เซอร์ที่ใช้ คลิกเลือก แล้วคลิก Open
- เช่น ถ้าจะเลือก Chrome ให้หาแล้วคลิกโฟลเดอร์ Google ทางซ้ายของ File Explorer จากนั้นดับเบิลคลิกโฟลเดอร์ Chrome แล้วเลือกไอคอน Chrome
- แต่ถ้าอยากใช้ Internet Explorer ตามเดิม ก็แค่คลิก No
- เลือก text editor อื่น ถ้าต้องการ. ถ้าไม่อยากใช้ Notepad เป็น text editor ของเซิร์ฟเวอร์ ให้คลิก Yes ตอนที่ขึ้น แล้วหาไฟล์ EXE ของ text editor ที่จะใช้ คลิกเลือกไฟล์ แล้วคลิก Open
- คลิก No ถ้าจะใช้ Notepad เป็น text editor หลักตามเดิม
- ติดตั้งให้เสร็จสิ้น. คลิก Next แล้วคลิก Finish ที่หน้าต่างสุดท้ายของ WAMP เท่านี้ก็ติดตั้ง WAMP ในคอมเรียบร้อย
- เปิด WAMP. ดับเบิลคลิกไอคอน "Wampserver" สีชมพูที่หน้า desktop แล้วคลิก Yes ตอนที่ขึ้น เพื่อเริ่ม run เซิร์ฟเวอร์
- คลิกไอคอน WAMP ใน system tray. ทางขวาสุดของ Windows toolbar จะมีไอคอน WAMP สีส้มหรือเขียว คลิกแล้วเมนู pop-up จะโผล่มา
- อาจจะต้องคลิกลูกศรชี้ขึ้น ใน toolbar ซะก่อน ถึงจะเห็นไอคอน WAMP
- คลิก phpMyAdmin. ปกติอยู่ทางด้านบนของเมนู pop-up ถ้าติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ถูกต้องแล้ว หน้าล็อกอิน phpMyAdmin จะเปิดขึ้นมาในเบราว์เซอร์ที่เลือกโฆษณา
เคล็ดลับ
- ถ้าติดตั้ง web server ด้วยโปรแกรมอื่นที่ไม่ใช่ Apache ให้ติดตั้ง phpMyAdmin โดย copy โฟลเดอร์ phpMyAdmin ไปใส่ในโฟลเดอร์ root ของโปรแกรมอื่นแทน ส่วนโฟลเดอร์ที่ใช้นั้นจะต่างกันไปตามโปรแกรมที่เลือกใช้
คำเตือน
- phpMyAdmin นั้นจะ run โดยตรงจากคอมที่ไม่มีโปรแกรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเซิร์ฟเวอร์ (เช่น Apache) ไม่ได้
ข้อมูลอ้างอิง
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.