บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา
ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้
บทความนี้ถูกเข้าชม 39,420 ครั้ง
บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการใช้ macOS High Sierra ในเครื่อง Windows โดยดาวน์โหลดแอพชื่อ Unibeast มาก่อน และต้องใช้ Mac กับ Windows ที่รองรับการใช้งานแบบนี้ด้วย สุดท้ายคือฮาร์ดไดรฟ์เปล่า
ขั้นตอน
- เช็คสเปคคอม. คอมพิวเตอร์ Windows ของคุณต้องใช้ Intel processor i5 หรือ i7 ถึงจะใช้ macOS High Sierra ได้ และต้องมี RAM อย่างน้อย 2 GB วิธีเช็คก็คือ
- เปิด Start
- พิมพ์ system information
- คลิก System Information ที่ด้านบนของเมนู
- ดูชื่อ processor ทางขวาของหัวข้อ "Processor"
- เลื่อนลงไปดูเลขทางขวาของหัวข้อ "Installed Physical Memory"
- เช็คประเภท BIOS ของคอม. ข้างหัวข้อ "BIOS Mode" ในเมนู System Information ให้มองหา "UEFI" หรือ "BIOS" แล้วจำหรือจดไว้ก่อน
- หลังจากนี้ก็ออกจาก System Information ได้เลย
- เช็ค bit ของคอม. คอมมี 2 ประเภทด้วยกัน คือ 32-bit กับ 64-bit คอมของคุณต้องเป็น 64-bit ถึงจะติดตั้ง macOS ได้
- ต้องมีหรือขอใช้ Mac รุ่นใหม่ๆ ของใครได้. เครื่อง Mac ที่ว่าต้องดาวน์โหลด macOS High Sierra ได้
- ย้ำว่าต้องเป็นเครื่อง Mac รุ่นที่ใช้ macOS High Sierra ได้เท่านั้น
- รวบรวมอุปกรณ์ที่จำเป็น. จะติดตั้ง macOS High Sierra ใน Windows ได้ ต้องมีอุปกรณ์ดังต่อไปนี้[1]
- ไดรฟ์ USB - เลือกแฟลชไดรฟ์ที่ใส่ข้อมูลได้ 16 GB
- ฮาร์ดไดรฟ์ว่าง - เลือก USB external hard drive ที่ใส่ข้อมูลได้อย่างน้อย 100 GB (ใช้ติดตั้งไฟล์ต่างๆ ของ macOS เพราะงั้นยิ่งพื้นที่เยอะก็ยิ่งดี)
- USB-C adapter - ถ้าใช้ Mac ที่ไม่มีพอร์ท USB แบบเก่า ก็ต้องใช้ adapter แบบแปลง USB-C เป็น USB-3.0
โฆษณา
- เข้าเว็บดาวน์โหลด Unibeast ใน Mac. ไปที่ https://www.tonymacx86.com/ โดยใช้ Mac เพราะโฟลเดอร์จะดาวน์โหลดผิดแอพ ถ้าทำใน Windows แล้วพยายามถ่ายข้อมูลไปที่ Mac
- คลิก Log in or Register. ที่ด้านขวาบนของหน้า แล้วเมนูจะโผล่มาที่ด้านบนของหน้า
- พิมพ์อีเมล. ในช่อง "Email address" ต้องเป็นอีเมลที่ใช้งานอยู่จริงๆ เพราะต้องต้องล็อกอินไป verify หรือยืนยันความถูกต้องทีหลัง
- ติ๊กช่อง "No, create an account now". ทางด้านล่างของเมนู
- คลิก Sign up. เพื่อไปยังหน้า Create an Account
- พิมพ์ข้อมูลที่จำเป็น. กรอกรายละเอียดในช่องต่อไปนี้
- Name — พิมพ์ชื่อที่จะใช้กับบัญชี
- Password — พิมพ์รหัสผ่านที่จะใช้ตอนล็อกอิน
- Confirm Password — พิมพ์รหัสผ่านด้านบนซ้ำเพื่อยืนยัน
- Date of Birth — ใส่วันเดือนปีเกิด
- Location — พิมพ์ชื่อประเทศ
- ติ๊กช่อง "I agree to the terms and rules". ทางด้านล่างของหน้า
- คลิก Sign up. เป็นปุ่มที่อยู่ท้ายหน้า เพื่อสร้างบัญชีแล้วส่งอีเมลยืนยันไปยังอีเมลที่ระบุ
- ไปที่ inbox ของอีเมล. เข้าอีเมลที่ระบุไว้ตอนสมัครบัญชี โดยล็อกอินเข้า inbox ด้วยอีเมลและรหัสผ่าน
- เปิดอีเมลยืนยัน. คลิกเปิดอีเมลจาก "tonymacx86.com"
- คลิกลิงค์ยืนยัน. คลิกลิงค์ใต้ข้อความ "Confirm Account" กลางหน้าอีเมล เพื่อกลับไปยังเว็บดาวน์โหลด Unibeast
- ดับเบิลคลิก tab Downloads. ทางขวาของแถวบรรดา tab ทั้งหลาย ทางด้านบนของหน้า แล้วหน้า Downloads จะเปิดขึ้นมา
- ถ้ามีแค่เมนูขยายลงมา ให้คลิก tab Downloads อีกรอบ
- เลื่อนลงไปคลิก Unibeast. ต้องคลิก Unibeast เวอร์ชั่นที่เลขข้างๆ สูงสุด
- เช่น เวอร์ชั่นปัจจุบันของ Unibeast (พฤษภาคม 2561) คือ 8.3.2
- คลิก Download Now. ที่มุมขวาบนของหน้า เพื่อดาวน์โหลด Unibeast ลง Mac
- ดาวน์โหลด Multibeast. โปรแกรมที่อยู่ในเว็บเดียวกับ Unibeast นี้ จะทำให้ติดตั้งไดรฟ์เวอร์ต่างๆ แล้วใช้ลำโพง ต่อเน็ต และอื่นๆ ใน PC ได้
- ดับเบิลคลิก tab Downloads อีกรอบ
- คลิก Multibeast - High Sierra 10.2.0
- คลิก Download Now ที่มุมขวาบนของหน้า
โฆษณา
- คลิกแถบค้นหา. ที่ด้านขวาบนของหน้าต่าง App Store
- ค้นหา High Sierra. พิมพ์ high sierra ในแถบค้นหา แล้วกด ⏎ Return
- คลิก Download. ทางขวาของไอคอน High Sierra เพื่อเริ่มดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งลง Mac
- รอจนหน้าต่างติดตั้งเปิดขึ้นมา. พอเปิดขึ้นมาแล้วให้รีบปิดทันที[2]
- กด ⌘ Command+Q ตอนที่หน้าต่างเปิดขึ้นมา. เพื่อปิดหน้าต่างติดตั้ง
- คลิกโฟลเดอร์ Applications. ทางซ้ายของหน้าต่าง Finder
- เช็คว่ามีไฟล์ติดตั้งในนั้น. ไฟล์ติดตั้งจะชื่อ "Install macOS High Sierra" หรืออื่นๆ ที่ใกล้เคียง และจะมีรูปเทือกเขาด้านบน ถ้าไฟล์ติดตั้งอยู่ในโฟลเดอร์ Applications แล้วก็ไปต่อได้เลย
- ถ้าไม่เจอไฟล์ติดตั้ง ให้ลองดาวน์โหลด High Sierra อีกรอบ
โฆษณา
- เสียบไดรฟ์ USB ที่เครื่อง Mac. จะติดตั้ง macOS High Sierra ในคอม ต้องใช้แฟลชไดรฟ์ 16 GB ขึ้นไป
- ถ้า Mac ไม่มีพอร์ท USB ตามปกติ ให้ใช้ adapter แบบแปลง USB-C เป็น USB-3.0
- พิมพ์ disk utility ใน Spotlight. เพื่อค้นหาแอพ Disk Utility ใน Mac
- คลิก Disk Utility. ล่างแถบค้นหาของ Spotlight เพื่อเปิด Disk Utility
- เลือกไดรฟ์ USB. คลิกชื่อไดรฟ์ USB ที่ด้านซ้ายบนของหน้าต่าง
- คลิก tab Erase. ที่ด้านบนของหน้าต่าง แล้วจะมีช่อง pop-up โผล่ขึ้นมา
- คลิกช่อง "Format" ให้ขยายลงมา. ปกติจะอยู่กลางช่อง pop-up คลิกแล้วเมนูจะขยายลงมา
- คลิก OS X Extended (Journaled). เพื่อกำหนด file system ของไดรฟ์ USB เป็นของ Mac
- คลิกช่อง "Scheme" ให้ขยายลงมา. จะอยู่ล่างช่อง "Format" ที่ขยายลงมา
- คลิก GUID Partition Map. เป็นตัวเลือกในเมนู "Format" ที่ขยายลงมา
- คลิก Erase. เพื่อฟอร์แมตไดรฟ์ USB ใหม่ ไปใช้ file system ของ Mac
- คลิก Done ตอนที่ขึ้น. เสร็จแล้วก็ไปสร้างไดรฟ์ติดตั้งได้เลยโฆษณา
- เปิดโฟลเดอร์ Unibeast. ดับเบิลคลิกโฟลเดอร์ Unibeast เพื่อ unzip แล้วเปิด
- เปิด Unibeast. ดับเบิลคลิกไฟล์ PKG ของ Unibeast เพื่อเปิด
- คลิก Open ตอนที่ขึ้น. เพื่อเปิดหน้าต่างติดตั้ง Unibeast
- ถ้าตอนนี้ Mac ใช้ macOS Sierra หรือใหม่กว่า ก็ต้อง verify หรือยืนยันการติดตั้ง Unibeast ก่อน
- คลิก Continue 4 ครั้ง. ที่มุมขวาล่างของ 4 หน้าแรก ของหน้าต่างติดตั้ง Unibeast
- คลิก Agree ตอนที่ขึ้น. ทางด้านบนของหน้าต่าง
- เลือกไดรฟ์ USB แล้วคลิก Continue. คลิกชื่อไดรฟ์ USB เพื่อเลือก
- เลือก High Sierra แล้วเลือก Continue. จะเห็น High Sierra ที่กลางหน้า
- เลือกชนิดเมนบอร์ด. อันนี้แล้วแต่ว่าเครื่อง Windows ของคุณใช้เมนบอร์ดแบบ UEFI หรือ BIOS เพราะตัวเลือกจะต่างกันออกไป
- UEFI — คลิก UEFI Boot Mode แล้วคลิก Continue
- BIOS — คลิก Legacy Boot Mode แล้วคลิก Continue
- เลือกการ์ดจอถ้าจำเป็น แล้วคลิก Continue. ติ๊กช่องข้าง Inject [ชื่อการ์ด] เพื่อเลือก settings ของการ์ดจอที่จะใช้
- ถ้าการ์ดจอใช้กับ macOS High Sierra ได้ตามค่า default ก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย
- คลิก Continue. ที่มุมขวาล่างของหน้า เพื่อใส่รหัสผ่านของ Mac
- พิมพ์รหัสผ่านของ Mac. พิมพ์รหัสผ่านที่ใช้ล็อกอินเข้า Mac
- คลิก OK. แล้ว Unibeast จะเริ่มติดตั้งลงไดรฟ์ USB เท่านี้ก็พร้อมใช้ติดตั้ง macOS High Sierra ลงคอม พอติดตั้ง Unibeast เสร็จ ก็ให้ไปเปลี่ยนลำดับการบูทของ Windowsโฆษณา
- ถอดทุกอุปกรณ์ USB ที่เสียบอยู่กับ Windows. โดยเฉพาะอย่าเสียบไดรฟ์ USB ไว้
- เข้าหน้า settings ของ BIOS หรือ UEFI ของคอม. เป็นขั้นตอนที่แตกต่างกันไปตามแต่ละคอม แต่ปกติคือให้รีสตาร์ทคอมแล้วกดปุ่มรัวๆ (เช่น ปุ่ม Del) ทันทีหลังคอมติด
- หาหัวข้อ "Boot Order". ปกติส่วนนี้จะอยู่ในหน้าหลักของ BIOS ให้กดปุ่มลูกศรเพื่อเลื่อนไปยัง tab "Boot" หรือ "Advanced"
- หัวข้อ "Boot Order" จะต่างกันไปตาม BIOS ถ้าหาหน้า "Boot Order" ของ BIOS ไม่เจอ ให้อ่านคู่มือเมนบอร์ด หรือเอารุ่นคอมไปค้นในเน็ต เพื่อดูหน้า BIOS ของรุ่นนั้นโดยเฉพาะ
- เลือก Removable Devices. ใช้ปุ่มลูกศรขยับแถบกะพริบไปที่ Removable Devices
- บางเวอร์ชั่น หัวข้อนี้จะเป็น USB Devices หรืออะไรที่ใกล้เคียง (เช่น Peripherals)
- ขยับตัวเลือกที่ต้องการไปไว้บนสุดของรายการ. ปกติคือให้กดปุ่ม + โดยที่เลือก boot location หรืออุปกรณ์ที่ใช้บูทเครื่องไว้ จนตัวเลือกขึ้นมาอยู่ด้านบนสุดของรายชื่อ "Boot Order"
- ต้องกดปุ่มไหน เช็คได้ที่ legend ทางขวา ท้ายหน้า BIOS
- เซฟ settings แล้วออกจาก BIOS. มองหาปุ่มที่ต้องกดถ้าจะเซฟแล้วออก ใน legend ทางขวาของหน้าเช่นกัน เจอแล้วก็กดได้เลย เพื่อเปลี่ยน boot priority หรือลำดับอุปกรณ์ที่ใช้บูท Windows เท่านี้ไดรฟ์ USB สำหรับติดตั้งก็จะถูกเลือกเป็นอุปกรณ์ที่ใช้บูทตอนเสียบเข้าไป
- อาจจะต้องกดปุ่มอื่นเพื่อยืนยันตัวเลือก
โฆษณา
- ใส่ Multibeast ในไดรฟ์ USB. เปิดโฟลเดอร์ของไดรฟ์ USB แล้วลากไฟล์ Multibeast ไปใส่ในโฟลเดอร์ เดี๋ยวต้องใช้ Multibeast ทีหลัง เพราะงั้นถ้ามีอยู่ในแฟลชไดรฟ์ เวลาจะใช้ก็สะดวก
- eject ไดรฟ์ USB ที่มี Unibeast จาก Mac. เปิด Finder แล้วคลิกไอคอน ⏏ Eject ทางขวาของชื่อไดรฟ์ USB ที่มุมซ้ายบนของหน้าต่าง Finder จากนั้นก็ถอดไดรฟ์ USB ได้เลย
- รอให้ติดตั้ง Unibeast เสร็จก่อนแล้วค่อยดึงไดรฟ์ออก
- ปิดเครื่อง Windows. กดปุ่ม Power ของเครื่อง Windows ค้างไว้จนคอมปิดสนิท ปกติคือภายใน 1 - 2 วินาทีหลังจอดับ
- เสียบทั้งไดรฟ์ USB ที่มี Unibeast และฮาร์ดไดรฟ์ว่าง. เสียบที่พอร์ท USB ของคอมได้เลย
- เปิดเครื่อง Windows. กดปุ่ม Power เพื่อเปิดคอม พอคอมเริ่มบูทเครื่องแล้ว ก็จะเลือกบูทจากไดรฟ์ USB ที่เสียบไว้
- เลือกไดรฟ์ USB ตอนที่ขึ้น แล้วกด ↵ Enter. เพื่อเริ่มติดตั้ง macOS
- เลือกภาษา แล้วคลิก →. เพื่อไปยังหน้าติดตั้งหน้าถัดไป
- คลิก Continue 2 รอบ. จะอยู่ที่มุมขวาล่างของหน้า
- คลิก Agree ตอนที่ขึ้น. จะอยู่ทางด้านบนของหน้าจอ
- คลิกเมนู Utilities. ที่ด้านซ้ายบนของหน้าจอ แล้วเมนูจะขยายลงมา[3]
- คลิก Disk Utility. ในเมนูที่ขยายลงมา
- เลือกฮาร์ดไดรฟ์ว่าง. คลิกชื่อฮาร์ดไดรฟ์ว่าง ทางซ้ายของหน้า
- คลิก tab Erase. ทางด้านบนของหน้า
- ฟอร์แมตฮาร์ดไดรฟ์ว่าง. ให้เปลี่ยนข้อมูลในช่องต่อไปนี้
- Format — คลิกช่องให้ขยายลงมา แล้วคลิก Mac OS X Extended (Journaled)
- Scheme — คลิกช่องให้ขยายลงมา แล้วคลิก GUID Partition Map
- คลิก Erase. เพื่อฟอร์แมตฮาร์ดไดรฟ์ว่างอีกรอบ เป็น file system ของ macOS
- คลิก Done ตอนที่ขึ้น แล้วปิดหน้าต่าง Disk Utility. เท่านี้ก็ติดตั้ง macOS High Sierra ในฮาร์ดไดรฟ์ได้แล้ว
- คลิกชื่อฮาร์ดไดรฟ์ว่าง แล้วคลิก Continue. เพื่อเลือกฮาร์ดไดรฟ์นั้นเป็นตำแหน่งติดตั้ง และเริ่มติดตั้ง macOS High Sierra
- รอจนติดตั้ง macOS High Sierra เสร็จ. ปกติจะใช้เวลาประมาณ 15 นาที
- ทำตามขั้นตอนที่ปรากฏในหน้าจอ. จะมีให้กรอกข้อมูล เช่น ชื่อ-นามสกุล รหัสผ่าน ภาษาที่เลือก ประเทศ และอื่นๆ พอติดตั้งเสร็จ ระบบ macOS ก็พร้อมใช้ในเครื่อง Windows แล้วโฆษณา
- ดับเบิลคลิกไฟล์ Multibeast. เพื่อเปิดหน้าต่าง Multibeast
- คลิก tab Bootloaders. ที่ด้านบนของหน้าต่าง
- เลือก bootloader ที่เหมาะสม. ติ๊กช่อง "Clover UEFI Boot Mode" ถ้าเลือก UEFI boot mode ของเมนบอร์ดไว้ตอนทำอุปกรณ์ติดตั้ง Unibeast หรือติ๊กช่อง "Clover Legacy Boot Mode" แทน ถ้าใช้ legacy boot mode
- คลิก tab Drivers. ตัวเลือกนี้จะอยู่ด้านบนของหน้าต่าง
- คลิก Audio. ทางซ้ายของหน้าต่าง
- เลือก audio drivers. คลิกหัวข้อ current audio item กลางหน้าต่าง เพื่อขยายออกมา แล้วติ๊กช่องข้างชื่อ audio provider ของคอม (อุปกรณ์กระจายเสียง)
- คลิก Misc. ทางซ้ายของหน้าต่าง
- ติ๊กช่อง "FakeSMC". ทางด้านบนของหน้าต่าง
- คลิก Network. ทางซ้ายของหน้าต่าง
- เลือก Internet driver. คลิกชื่อของการ์ดอินเทอร์เน็ต แล้วติ๊กช่องข้างชื่อไดรฟ์เวอร์
- คลิก tab Customize. ทางด้านบนของหน้าต่าง
- เลือกตัวเลือก graphics ที่เหมาะสม. ติ๊กช่องข้างชื่อการ์ดจอของคอม แล้วติ๊กช่อง "Fixup" ของยี่ห้อการ์ดจอ
- เช่น ถ้าจะติดตั้งไดรฟ์เวอร์การ์ด NVIDIA ให้ติ๊กทั้งช่อง "NVIDIA Web Drivers Boot Flag" และ "NVIDIA Graphics Fixup"
- ปล่อยตัวเลือก "Inject" ว่างไว้
- คลิก System Definitions. ทางซ้ายของหน้าต่าง
- เลือก Mac ที่ใกล้เคียงกับเครื่องคุณที่สุด. คลิกหัวข้อประเภทของเครื่อง Mac (เช่น iMac) ที่ใกล้เคียงกับคอมของคุณ แล้วติ๊กช่องข้างประเภทของ Mac ที่ใช้ settings การ์ดจอเหมือนกัน
- ดูรายชื่อประเภทการ์ดจอของ Mac รุ่นต่างๆ ที่นี่ได้เลย https://drive.google.com/file/d/1FPpFR3j9ibwb3zbnPoBbI3Mncsqp-BUU/view
- คลิก tab Build. ที่ด้านบนของหน้าต่าง
- เลือกไดรฟ์. คลิกช่อง "Select Install Drive" ทางขวาของหน้าต่าง แล้วคลิกชื่อไดรฟ์ macOS ในเมนูที่ขยายลงมา
- ติดตั้งไดรฟ์เวอร์. พอเสร็จขั้นตอนนี้แล้ว ก็ใช้คอม macOS แบบแทบไม่ยุ่งยากอะไรเลย
- คลิก Install ที่มุมขวาล่าง
- คลิก Agree ตอนที่ขึ้น
- พิมพ์รหัสผ่าน Mac ตอนที่ถูกถาม
- คลิก Install Helper
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ถ้าใช้ macOS ในเครื่อง Windows แล้วชอบ ก็ลองซื้อ Mac มาใช้จริงๆ ซะเลย จะได้ไม่ขาดตอน
- เครื่อง Windows ที่ลง macOS ไว้ เขาเรียก "Hackintosh" (Macintosh ที่ถูกแฮกไง)
- macOS จะไม่มีไดรฟ์เวอร์สำหรับใช้ utilities ต่างๆ เช่น Wi-Fi หรือ sound เหมือนในเครื่อง Windows นี่คือสาเหตุว่าทำไมเราถึงต้องใช้ Multibeast ด้วย
คำเตือน
- การติดตั้ง macOS ลงเครื่อง Windows จริงๆ แล้วผิดกฎการใช้งานของ Apple (End User License Agreement) เต็มๆ
- จะทำตามขั้นตอนในบทความวิกิฮาวนี้ได้ก็ต่อเมื่อคอมมี RAM มากพอ
ข้อมูลอ้างอิง
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.