วิธีการ ซ่อม Airpods ที่เสียเพราะน้ำเข้า

ถ้าเผลอทำน้ำหกใส่ หรือทำ AirPods ตกน้ำ ก็คงเรื่องใหญ่ แน่นอนว่า AirPods นั้นไม่กันน้ำ เลยต้องทำให้แห้งเร็วที่สุด จะได้ไม่เสียหายถาวรเพราะน้ำเข้า ถ้ายิ่งทำให้แห้งเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งปลอดภัยขึ้นเท่านั้น บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการทำให้ AirPods แห้ง ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

1

รีบเอา AirPods ออกจากน้ำ

ดาวน์โหลดบทความ

รีบเอา AirPods ขึ้นจากน้ำ แล้ววางบนที่ราบแห้งๆ. AirPods Pro, AirPods Gen 3 และเคสชาร์จ MagSafe ของ AirPods Gen 3 จะกันน้ำได้เล็กน้อย แต่ตกน้ำไม่ได้^{[1]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถ้าเป็น AirPod รุ่นเก่าๆ จะกันน้ำ ไม่ได้เลย
- ถ้าเคสชาร์จ AirPods เปียก ให้เปิดฝาแล้วคว่ำลง อย่างน้อยน้ำจะได้ไหลออกมา ถ้าเสียบชาร์จอยู่ ให้รีบถอดออก
โฆษณา

2

ใช้ผ้าไร้ฝุ่นซับน้ำจาก AirPods ให้แห้ง

ดาวน์โหลดบทความ

ซับน้ำที่เปียก AirPods ให้แห้งที่สุด. ผ้าไมโครไฟเบอร์แบบที่อยู่ในชุดอุปกรณ์ทำความสะอาดหรือผ้าเช็ดแว่น จะใช้ได้ดีที่สุด
- จะใช้คอตตอนบัดซับน้ำจากลำโพงก็ได้ แต่อย่ากดแรง จะได้ไม่พังเพิ่ม

3

ใช้ Water Eject shortcut

ดาวน์โหลดบทความ

ดาวน์โหลด Water Eject shortcut จาก Routinehub. ถ้า AirPods เชื่อมต่อหรือ paired อยู่กับ iPhone ตัว Water Eject จะไล่น้ำที่ค้างอยู่ในลำโพง iPhone/iPad ออกมา รวมถึงจาก AirPods ด้วย โดยเล่นเสียงเบสความถี่ต่ำ ให้เข้าไปที่เว็บ https://routinehub.co/shortcut/571 ใน iPhone แตะ Get Shortcut แล้วแตะ + Add Shortcut เพื่อเพิ่มใน Shortcuts gallery จากนั้นแตะ My Shortcuts แตะ Water Eject แล้วแตะ Begin เพื่อใช้ shortcut
- tool นี้ไม่ใช่ official tool ของ Apple แต่สมาชิกบอร์ด Apple ของ Reddit เขาแนะนำกัน รวมถึงบอร์ดอื่นๆ ในเว็บด้วย^{[2]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ทำขั้นตอนนี้ซ้ำกี่ครั้งก็ได้จนกว่าจะไม่มีน้ำกระเด็นออกมาจากลำโพงส่วนที่เล็กกว่าแล้ว^{[3]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
โฆษณา

4

ทิ้งไว้จน AirPods แห้งสนิท

ดาวน์โหลดบทความ

ผึ่ง AirPods ทิ้งไว้ให้แห้ง ค่อยเอาใส่กลับเคสชาร์จ. ถ้าวันนั้นแดดดี อากาศไม่ชื้น ก็เอา AirPods ผึ่งแดดไว้ (แต่อย่าตากแดดในวันที่ร้อนเกินไป) ก็ช่วยให้แห้งเร็วขึ้น แต่ถ้าไม่มีแดด ขอแค่ความชื้นต่ำๆ ก็ได้แล้ว ผึ่งไว้สัก 2 - 3 ชั่วโมงจน AirPods แห้งสนิท ค่อยนำกลับมาลองใช้
- อุณหภูมิร้อนจัดหรือเย็นจัดก็ทำให้ AirPods เสียได้ เพราะงั้นห้ามใช้เครื่องทำความร้อนมาเป่าให้ AirPods แห้ง และอย่าใช้ไดร์เช่นกัน

5

หาซิลิกาเจลหรือวัสดุดูดความชื้นอื่นๆ

ดาวน์โหลดบทความ

ซองซิลิกาเจลที่มากับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือวิตามิน ช่วยดูดความชื้นจาก AirPods ได้. ถ้าคิดว่าด้านในของ AirPods ยังชื้น พวกวัสดุดูดความชื้น อย่างซิลิกาเจลก็ช่วยได้ ถ้าไม่มีซองกันชื้นแบบนี้ ก็หาซื้อได้ตามร้านอุปกรณ์งานฝีมือ ร้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือตามเน็ต^{[4]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถ้าหาซิลิกาเจลไม่ได้ ลองทรายแมวแบบคริสตัลดู เพราะก็คือซิลิกาเจลนั่นละ หรือใช้คริสตัลดูดความชื้นแบบไม่แต่งกลิ่น อย่าง DampRid ก็ได้^{[5]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- อันนี้เขาว่ากันว่าเอาไปใส่ถังข้าวสารแล้วช่วยได้ แต่บอกเลยว่าถ้าใช้ไล่น้ำจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จะ ไม่ได้ผล เท่าไหร่^{[6]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
โฆษณา

6

เอา AirPods ใส่ซิปล็อคพร้อมซองกันชื้น

ดาวน์โหลดบทความ

แนะนำให้ใช้ถุงซิปล็อคหรือภาชนะใส่อาหารที่ล้างแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้. โดยซิลิกาเจลจะดูดซับน้ำที่ตกค้างใน AirPods ก็ทิ้ง AirPods ไว้ในนั้นกับซองกันชื้นสัก 24 - 48 ชั่วโมง แล้วค่อยลองนำกลับมาใช้งาน^{[7]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ยิ่งทิ้ง AirPods ไว้ในซิปล็อคหรือภาชนะนั้นกับซองกันชื้นนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสที่ AirPods จะกลับมาใช้งานได้ตามเดิม^{[8]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}

7

ถ้า AirPods เสียเพราะน้ำเข้า ก็ต้องเปลี่ยน

ดาวน์โหลดบทความ

ลองใช้ AirPods ฟังเพลงดูหลังแห้งแล้ว. ถ้าเสียงจากลำโพงฟังดูแตกๆ หรือก้องๆ เป็นไปได้ว่าต้องทิ้งไว้ให้แห้งสนิทกว่านี้ ลองทิ้งไว้สัก 1 - 2 วันเลย แต่ถ้า AirPods ยังใช้ไม่ได้ แนะนำให้ส่งซ่อมกับผู้ให้บริการที่เป็นตัวแทนของ Apple (Apple Authorized Service Provider) หรือซื้อใหม่เลยดีกว่า
- ลองเข้าเว็บ https://getsupport.apple.com/?caller=kbase&PGF=PGF32003&category_id=SC0285 จะมีขั้นตอนซ่อมแซมหรือเปลี่ยน AirPods ที่เสียหายจากน้ำ
- ถ้าทำ AppleCare+ ไว้ ก็เปลี่ยน AirPods ที่เสียหายจากน้ำได้ โดยมีค่าบริการแค่เล็กน้อยเท่านั้น^{[9]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} ถ้าไม่มีประกันก็แน่นอนว่ามีค่าซ่อมเพิ่มเติม
โฆษณา