ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความX
บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา
ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้
บทความนี้ถูกเข้าชม 19,792 ครั้ง
ถ้าคุณไม่อยากให้ใครมาตามแกะรอยตอนกำลังเข้าเว็บนู้นดูเว็บนี้ คุณคงต้องซ่อน IP address ของตัวเองแล้วล่ะ เราสามารถซ่อน IP address ได้หลายวิธีด้วยกัน โดยแตกต่างกันไปทั้งความยากง่ายและความน่าเชื่อถือ ลองทำตามวิธีข้างล่างนี่ดู เพื่อปฏิบัติการปิดบังตัวตนออนไลน์ของคุณ
ขั้นตอน
ต้องรู้ก่อนว่า IP address ทำงานยังไง. ทุกครั้งที่คุณต่อเน็ต คอมพิวเตอร์ของคุณจะได้รับหมายเลขยาวๆ หรือก็คือ IP (Internet Protocol) address มา ไอ้เจ้า IP address นี่แหละที่จะไปยังเซิร์ฟเวอร์ต่างๆ ที่คุณแวะเวียนไป และจะถูกลงบันทึกไว้ในเซิร์ฟเวอร์นั้นๆ เป็นร่องรอยการท่องเว็บของคุณที่ทิ้งไว้ตามทาง
ทำความเข้าใจว่าหลักๆ proxy นั้นคืออะไร. proxy ก็คือเซิร์ฟเวอร์ที่คุณเชื่อมต่อด้วย และอนุญาตให้คุณออกไป “นอก” เครือข่ายของตัวเอง คุณเชื่อมต่อกับ proxy แล้ว route traffic ผ่านมัน แบบนั้น IP ของคุณก็จะถูกซ่อนไว้ และ traffic จะเหมือนกับออกมาจากเซิร์ฟเวอร์ proxy
รู้จักชนิดต่างๆ ของ proxy. พอเริ่มทำความรู้จัก คุณจะได้รู้ว่า proxy นั้นมีมากมายหลายชนิดด้วยกัน แต่ละชนิดก็ซ่อนตัวตนได้มากน้อยแตกต่างกันไป และบางชนิดก็ปลอดภัยมากกว่า proxy นั้นหลักๆ แบ่งออกเป็น 4 ชนิดด้วยกัน- proxy แบบ Web-based: ถือเป็นชนิดที่หาง่ายใช้ง่ายที่สุด จะมีเซิร์ฟเวอร์ให้คุณเชื่อมต่อผ่านเบราว์เซอร์ไว้ใช้ท่องเว็บแบบไม่เปิดเผยตัวตน
- proxy แบบเปิด: เป็นเซิร์ฟเวอร์ proxy ที่บังเอิญเปิดทิ้งไว้หรือถูกแฮกนั่นเอง ชนิดนี้ออกจะไม่ค่อยปลอดภัย แถมยังอาจมีโปรแกรมที่เป็นอันตรายต่อเครื่องของคุณอีกต่างหาก เราขอแนะนำให้ข้าม proxy ชนิดนี้ไปเลย
- เครือข่ายไร้ตัวตน: เป็นเครือข่ายส่วนตัวที่ดำเนินการโดยผู้ใช้เจ้าของ bandwidth ชนิดนี้ข้อเสียคือช้าได้โล่ ที่สำคัญคือใครต่อใครก็มา host bandwidth ได้ เพราะงั้นอันตรายน่าดูเลยล่ะ
- โปรแกรม proxy แบบเสียเงิน อย่าง IP Hider Ever นั้นปกตินิยมใช้ซ่อน IP address ให้คุณปกปิด traffic และตำแหน่งปลายทางของคุณได้ระหว่างท่องเว็บ โปรแกรมอย่าง IP Hider Ever ทำให้ไม่มีใครรู้ความเป็นไปบนโลกออนไลน์ของคุณ คุณสามารถไปไหนต่อไหนได้โดยไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลจะรั่ว แต่คำถามสำคัญชวนฉุกคิดคือคุณจะไว้ใจบริษัทเจ้าของโปรแกรมได้มากแค่ไหนกัน
- VPN (Virtual Private Network): เป็นเครือข่ายส่วนตัวให้คุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ proxy ที่ดำเนินการโดยบริษัทหรือองค์กรเจ้าของ proxy ได้โดยตรง
- Proxy Chain ทุกวันนี้ VPN ที่แกะรอยได้ยากที่สุดนั้นใช้งาน TOR โดย traffic ในเครือข่ายนั้นจะถูก redirect กลับไปใช้ TOR ทั้งหมด การ redirect นี้ทำได้ง่ายๆ ด้วยแพคเกจระบบ iptables ที่มาพร้อมกับ Linux ถ้าคุณไม่อยากเซ็ตอัพ proxy chain ด้วยตัวเอง หรือใช้ Windows อยู่ โปรแกรมอย่าง iProxyEver จะช่วยจัดการให้คุณเอง
โฆษณา
ดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรม VPN (Virtual Private Network). คุณต้องเป็น admin เจ้าของเครื่องถึงจะใช้วิธีนี้ได้ โปรแกรม VPN ส่วนใหญ่นั้นต้องสมัครสมาชิกกันซะก่อน แต่จะมี IP ไว้ให้คุณเลือกใช้ปกปิดตัวตนกันได้เป็นพันๆ เลยทีเดียว- VPN นั้นปลอดภัยด้วยการเข้ารหัสที่เหนือกว่า proxy แบบ Web-based
- VPN ใช้ได้กับทุก traffic ในคอมพิวเตอร์ของคุณ ตรงกันข้ามกับ proxy แบบ Web-based ที่ใช้ได้เฉพาะผ่านเบราว์เซอร์เท่านั้น รวมไปถึงการส่งเมสเสจและการส่งไฟล์ด้วย
ตั้งค่า VPN ด้วยตัวเอง. ถ้าคุณไม่อยากดาวน์โหลดโปรแกรมมา และอยากป้อนการเชื่อมต่อที่ต้องใช้กับ VPN ด้วยตัวเองแทน คุณสามารถตั้งค่า VPN ได้จาก control panel ใน Windows โดยเลือก Internet Options แต่ก็ยังต้องใช้ IP เพื่อเชื่อมต่ออยู่ดี- ในแถบ Connections ให้คลิก Add VPN หน้าต่าง VPN จะเปิดขึ้นมา จากนั้นให้ใส่ IP ที่คุณเชื่อมต่ออยู่
- ถ้า VPN ต้องใช้ username กับ password ด้วย ก็ต้องใส่ตอนนี้แหละ
โฆษณา
เลือก proxy ที่ใช่. web-proxy นั้นจะดีมากถ้าคุณไม่ได้ใช้จากคอมพิวเตอร์ของตัวเอง เพราะเป็นการใช้งานผ่านเบราว์เซอร์ ดังนั้นจึงใช้งานได้กับทุกระบบปฏิบัติการ IP address ของคุณจะถูกซ่อน เพราะมีเพียง IP address ของเซิร์ฟเวอร์ proxy เท่านั้นที่รายงานไปยังเว็บที่คุณเข้าชม- มีหลายเว็บด้วยกันที่จัดอันดับ proxy ที่น่าเลือกใช้ไว้ Proxy.org นี่แหละเว็บที่น่าแวะไปที่แรก แถมเว็บนี้ยังหมั่นอัพเดทรายชื่อ proxy อีกด้วย
- เป็นไปได้มากว่าเว็บที่รวมรายชื่อ proxy ไว้ อย่าง Proxify จะถูกบล็อคเวลาคุณเข้าจากโรงเรียนหรือที่ทำงาน เอาไว้กลับบ้านก่อนแล้วค่อยลองเข้าไปดู จากนั้นลองจดมาสัก 10-15 เว็บที่จะลองไปใช้กับเครื่องที่ถูกบล็อคได้
- Proxy ที่คนแห่กันไปใช้เยอะเกินมักเป็นที่สังเกตจนพลอยถูกบล็อค ดังนั้นให้พยายามเปลี่ยนเว็บไปเรื่อยๆ ในแต่ละวัน
- เวลาใช้ proxy คุณจะท่องเว็บได้ช้าลงแบบเห็นได้ชัด นั่นก็เพราะ traffic ถูก reroute ผ่าน proxy จากนั้นถูก reinterpret แล้วค่อยส่งไปยังเว็บไซต์ปลายทางของคุณ เตรียมใจไว้เลยว่าเว็บและคลิปต่างๆ อาจโหลดช้าลง
เลือกเว็บ proxy ให้ถูกใจ. ถ้าเว็บถูกบล็อค ก็ลองเว็บใหม่สิ เวลาเลือกใช้เว็บจากบรรดาเว็บ proxy ทั้งหลาย ให้เลือกเว็บที่มีที่ตั้งใกล้กับที่อยู่ของคุณ จะช่วยให้ท่องเว็บเร็วขึ้นได้
เลือกช่อง URL. ใส่ address ของเว็บที่คุณจะเข้า เนื่องจากเว็บ proxy จะทำการ reinterpret ข้อมูลของเว็บไซต์ปลายทางที่คุณจะไป จึงเป็นไปได้ว่าหน้าเว็บอาจแสดงผลไม่สมบูรณ์ ส่วนใหญ่ที่พบคือคลิปไม่ยอมโหลด ถ้าคุณพบปัญหาแบบนี้ ให้เปลี่ยนไปใช้เว็บ proxy อื่นจะดีกว่า- ตราบใดที่คุณยังท่องเว็บผ่าน proxy เว็บไซต์ที่คุณแวะเวียนไปก็จะไม่เห็นแม้แต่เงา IP address ของคุณ
ปรับแต่งเบราว์เซอร์ให้ใช้งานผ่านเซิร์ฟเวอร์ proxy. แทนที่จะเข้าไปในเว็บแล้วพิมพ์ URL ลงในช่อง คุณสามารถตั้งค่าให้เบราว์เซอร์ส่วนใหญ่ซ่อน IP address ของคุณโดยอัตโนมัติได้ผ่านเซิร์ฟเวอร์ proxy ถ้าจะใช้บริการนี้ คุณต้องดาวน์โหลดและติดตั้ง plug-in ของเบราว์เซอร์ที่คุณเลือกใช้ก่อน ตัวอย่างบริการแบบนี้คือ extension ชื่อ Switchproxy ของ Mozilla Firefox ที่จะรวบรวม IP address ของผู้ใช้ทั้งหมดไว้ แล้วสุ่มแจก IP สลับกลับไปยังผู้ใช้แต่ละคนโฆษณา
เคล็ดลับ
- เซิร์ฟเวอร์ Proxy นั้นแตกต่างกันออกไปตามระดับความปลอดภัย ให้ลองหา review ของแต่ละตัวมาอ่านเปรียบเทียบกันดูเพื่อหา proxy ที่ใช่สำหรับคุณ
โฆษณา
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
นักเขียนในทีมวิกิฮาว
บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา
ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้ บทความนี้ถูกเข้าชม 19,792 ครั้ง
ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้ บทความนี้ถูกเข้าชม 19,792 ครั้ง
หมวดหมู่: เครือข่าย
มีการเข้าถึงหน้านี้ 19,792 ครั้ง
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.
โฆษณา
