วิธีการ ขจัดคราบสีอะครีลิกออกจากผ้า

ดาวน์โหลดบทความ

ดาวน์โหลดบทความ

ภายในบทความนี้:

เตรียมลงมือกับเสื้อผ้า

ขจัดสีด้วยไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์

ขจัดสีด้วยแอมโมเนียกับน้ำส้มสายชู

ขจัดคราบสีด้วยน้ำยาล้างจาน

ขจัดสีออกด้วยน้ำยาเช็ดกระจกหรือสเปรย์แต่งผม

แสดงเพิ่มอีก 2...

แสดงน้อยลง...

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้ออ้างอิง

เป็นห่วงว่าคุณจะทำให้เสื้อตัวโปรดเลอะระหว่างทำงานศิลปะนะหรือ ไม่มีปัญหา เพราะด้วยวิธีการง่ายๆ ต่อไปนี้ คุณก็สามารถทำเองได้!

ขั้นตอน

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 5:

เตรียมลงมือกับเสื้อผ้า

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ลงมือโดยเร็ว. ไม่ว่าจะเลือกวิธีไหนขจัดสีอะคริลิกบนผ้า ยิ่งลงมือไวก็ยิ่งประสบความสำเร็จ
2. 
   2
   ใช้ช้อนหรือมีดขูดสีที่ยังจับตัวเหนอะออกจากผ้า. ถ้าสียังไม่แห้ง ใช้กระดาษทิชชู่หรือผ้ามาตบเบาๆ เพื่อซับเนื้อสีที่เกินมา กุญแจสำคัญคือเอาสีออกให้มากที่สุดเท่าที่ยังทำได้

   • แปรงขนแข็งอาจช่วยได้ถ้าผ้านั้นหนา โดยเฉพาะหากสีหยดเป็นหย่อมใหญ่ แปรงยังเป็นตัวเลือกที่ดีแทนช้อนหากคุณรู้สึกอึดอัดที่ต้องใช้อุปกรณ์ทานอาหาร
3. 
   3
   อย่าตระหนก. อย่าเพิ่งยอมแพ้ถอดเสื้อทิ้งหรือหงุดหงิดใจ ต่อให้มันเป็นชุดโปรดคุณก็ยังช่วยมันพ้นจากการเกิดคราบได้ แค่ทำตามคำแนะนำโดยเร็ว
4. 
   4
   ใช้กระดาษทิชชู่แห้งซับเนื้อสีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้. แต่จะทำได้เฉพาะเมื่อสียังไม่แห้ง จำไว้ว่าต้องซับไม่ใช่ถู การซับจะขจัดสีส่วนเกินที่ยังไม่ซึมลงเนื้อผ้า การถูจะไปทำให้สีส่วนเกินกระจายเลอะไปในเนื้อผ้ามากขึ้น ทำให้ยิ่งขจัดคราบยากขึ้นไปอีก พอซับสีออกหมดให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
   โฆษณา

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 5:

ขจัดสีด้วยไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ใช้ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์เช็ดบริเวณนั้นให้ชุ่ม. บริเวณที่เลอะสีนั้นควรจะอิ่มตัวแล้ว ฉะนั้นไม่ต้องใช้ปริมาณมาก คุณหาซื้อไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ได้ตามออนไลน์หรือร้านขายยาในราคาไม่แพง
2. 
   2
   ขูดสีออก. ใช้เล็บ กิ่งไม้ เหรียญ หรืออะไรก็ได้มาขูดสีออกและพยายามแงะมันออกจากเนื้อผ้า เวลาขูด ให้ขูดไปตามลายเนื้อผ้า แล้วย้อนกลับมา ถูไปมา ยกเนื้อสีออกมาจากเนื้อผ้าให้มากที่สุดก่อนทำขั้นตอนถัดไป
3. 
   3
   นำผ้าไปใส่ในเครื่องซักผ้า. ตั้งวงจรการซักตามที่คุณเคยใช้ซักผ้าชิ้นนั้น และซักด้วยผงซักฟอกทั่วไป หวังว่าเครื่องซักผ้าจะขจัดสีส่วนเกินที่คุณไม่สามารถเอาออกได้ด้วยการขูดหรือแอลกอฮอล์
4. 
   4
   ตากตามปกติ. หวังว่าคราบจะถูกยกออกทั้งจากแอลกอฮอล์และการซัก ถ้ายังไม่พอใจก็สามารถย้อนทำใหม่ตั้งแต่ต้น แต่มันอาจสายเกินไปเสียแล้ว
   โฆษณา

วิธีการ 3

วิธีการ 3 ของ 5:

ขจัดสีด้วยแอมโมเนียกับน้ำส้มสายชู

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   แช่ผ้าส่วนที่เลอะในน้ำเย็น. แช่ลงในอ่างหรือถังที่เติมน้ำเย็น ทิ้งไว้สักนาทีก่อนทำขั้นตอนต่อไป คุณต้องการให้มันเปียกจนทั่ว
2. 
   2
   ผสมแอมโมเนีย 1 ถ้วย/240 มล., น้ำส้มสายชูกลั่น 1 ถ้วย/240 มล. กับเกลือหนึ่งกำมือ. ผสมในชามอีกใบ คุณสามารถผสมตอนแช่ผ้าเพื่อประหยัดเวลา
3. 
   3
   ปล่อยน้ำที่แช่ผ้าอยู่ทิ้ง. บิดผ้าให้น้ำออก พยายามเอาน้ำออกมาให้มากที่สุดน้ำจะได้ไม่ต้องหยดติ๋งๆ แต่ไม่ต้องห่วงถ้าหากมันยังเปียกหรือหมาด คุณต้องการให้มันหมาดอยู่แล้ว ถึงได้เอาผ้าไปแช่ไง
4. 
   4
   ใช้ผ้าที่ไม่เป็นขุยหรือฟองน้ำมาจุ่มในสารละลายแอมโมเนียกับน้ำส้มสายชู. นำผ้าหรือฟองน้ำนี้มาถูตรงรอยเลอะ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูแรงเกินไป จุ่มสารละลายบ่อยตามที่ต้องการจนกว่ารอยเลอะจะจางไป
5. 
   5
   ใช้น้ำล้างผ้าให้สะอาด. ตอนนี้ตรวจดูว่ารอยจางไปหรือยัง ทำซ้ำถ้ายังเห็น โดยหวังว่าพอทำซ้ำสักหนสองหนคราบจะหายไป คุณจะเห็นผลในทันที
6. 
   6
   นำผ้าที่ผ่านการถูแล้วใส่เครื่องซักผ้า. ซักตามปกติและตากให้แห้ง ตรวจดูอีกครั้งว่ายังเห็นคราบไหม ถ้ายังไม่พอใจก็ทำซ้ำแต่ผลที่ได้จะลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
   โฆษณา

วิธีการ 4

วิธีการ 4 ของ 5:

ขจัดคราบสีด้วยน้ำยาล้างจาน

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   สลับเอาผ้าด้านในออก หรืออย่างน้อยก็ตรงส่วนที่เลอะ. ถือไว้ใต้ก๊อกน้ำที่เปิดน้ำอุ่นเพื่อให้มันชำระล้างสีออกไปเท่าที่จะทำได้
2. 
   2
   ผสมน้ำยาล้างจานหนึ่งส่วนกับน้ำอุ่นหนึ่งส่วน. นี่เป็นสารละลายที่คุณจะลองนำมาใช้เอาคราบสีออก วิธีนี้มีประโยชน์ตรงที่ส่วนใหญ่คุณมักจะมีน้ำยาล้างจานติดบ้านอยู่แล้ว
3. 
   3
   จุ่มผ้าที่ไม่เป็นขุยหรือฟองน้ำลงในสารละลาย. ซับบริเวณที่เลอะแรงๆ แต่หลีกเลี่ยงการถูเพราะจะทำให้เลอะยิ่งขึ้น อย่ากลัวที่จะใช้เล็บขูดสี พยายามเอาออกให้มากที่สุด
4. 
   4
   ล้างด้วยน้ำ. ตรวจดูคราบ ถ้าจำเป็นหรือยังไม่พอใจก็ซับน้ำยาล้างจานซ้ำ
5. 
   5
   ซักตามปกติ. แค่ซักอย่างที่ปกติจะซักมัน ให้แน่ใจว่าผ้าซักเครื่องได้ นำไปตากตามปกติแล้วตรวจดูรอยเลอะอีกที หวังว่ามันคงหายไป
   โฆษณา

วิธีการ 5

วิธีการ 5 ของ 5:

ขจัดสีออกด้วยน้ำยาเช็ดกระจกหรือสเปรย์แต่งผม

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ซับรอยเปื้อนด้วยผ้าขี้ริ้วสะอาดหรือกระดาษทิชชู่เบาๆ. อย่าถูตรงสี ขั้นตอนนี้จะทำเฉพาะถ้าสียังไม่แห้งเท่านั้น
2. 
   2
   ฉีดน้ำยาเช็ดกระจกหรือสเปรย์แต่งผมลงไปยังผ้าสะอาดหรือฟองน้ำ. วางบริเวณที่เปื้อนสีบนขวดน้ำยาล้างเล็บ ทำให้มันหมาดเล็กน้อยด้วยอะซีโทน ถ้าคุณมีน้ำยาเช็ดกระจกหรือสเปรย์แต่งผมอยู่ที่บ้าน ทั้งสองผลิตภัณฑ์สามารถใช้ขจัดคราบสีได้

   • แนะนำให้คุณลองทำบนจุดที่ไม่เตะตาของผ้าชิ้นนั้นก่อน เพื่อความแน่ใจว่าผ้าสามารถรับสารเคมีในผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้ได้ ถ้าไม่ได้ ให้ใช้วิธีอื่น
3. 
   3
   ถูรอยเปื้อนสีด้วยผ้าเปียกชื้น. วางผ้าเหนือรอยเปื้อนแล้วเริ่มถูขึ้นลง พยายามอย่าถูแรงเกินไป คุณไม่ต้องการจะทำให้รอยเปื้อนกระจาย จำไว้ว่าคุณสามารถใช้มีดหรือเล็บมาขูดเอาสีออกก่อนให้มากที่สุดจะใช้ผ้าเช็ดออก พยายามเลี่ยงไม่ให้รอยเปื้อนยิ่งกระจายตัว
4. 
   4
   ซักทันที. สารผสมทำความสะอาดตัวนี้ต้องล้างออกทันทีก่อนจะทำให้ใยผ้าเสียหาย ซักตามปกติแล้วตากให้แห้ง มันควรจะขจัดคราบได้
   โฆษณา

เคล็ดลับ

• อย่าทิ้งให้สีแห้ง ถ้าสียังเปียกจะขจัดคราบออกง่ายกว่าตอนสีแห้งแล้วอย่างมาก
• ลองตรงจุดที่ไม่เตะตาบนผ้าชิ้นนั้นก่อนเสมอว่ามันได้ผลหรือไม่
• วิธีแก้ไขอีกทางให้เลือก: ใช้แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อกับสเปรย์ทำความสะอาดครัว 409 แล้วใช้แปรงสีฟันถู นี่ได้ผลกับคราบที่สีแห้งและค้างอยู่บนเนื้อผ้าเป็นเดือน
• สารละลายทำความสะอาดชนิดใดก็ล้วนแต่มีความเสี่ยงทำให้รอยเปื้อนยิ่งแย่ไปใหญ่ได้ ขึ้นอยู่กับใช้อะไร ผ้าที่เลอะเป็นชนิดไหน และวิธีในการลงสารละลาย แต่ในเมื่อผ้ามันเลอะสีอยู่แล้ว ก็คุ้มพอจะเสี่ยงขจัดคราบออกล่ะ
• ผ้าที่ซักธรรมดาไม่ได้จะติดสีไปอย่างนั้น ลองเอาไปให้ร้านซักแห้งดูก็ได้ว่าจะพอแก้ไขอะไรได้ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ลองหาวิธีปกปิดที่สร้างสรรค์หน่อยหรือทำให้มันเป็นแฟชั่นผ้าเลอะสีไปเลย
• คุณอาจลองใช้น้ำยาล้างเล็บหรือทินเนอร์ก็ได้ แต่มันอาจทำให้ผ้าชิ้นนั้นเสียหายไปด้วย ให้ลองแต่กับผ้าเส้นใยธรรมชาติ และลองตรงจุดไม่เตะตาดูก่อน

โฆษณา